MINT แจงมาตรการปิดโรงแรมลดต้นทุน ส่วนร้านอาหารเน้นดิลิเวอรี่-ซื้อกลับบ้าน

นายดีลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) แจ้งว่า ผลกระทบจากสถานการณ์โรคไวรัสโควิด-19 ที่มีต่อบริษัท สืบเนื่องจากคำสั่งของกรุงเทพมหานคร ในการสั่งปิดสถานที่ที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่กระจายของโรคไวรัสโควิด-19 สูง รวมถึงมาตรการปิดประเทศ (Lock Down) ในหลายประเทศที่บริษัทมีการดำเนินธุรกิจอยู่มาตรการที่บริษัทได้มีการดำเนินการจนถึงปัจจุบันมีดังต่อไปนี้

ไมเนอร์ โฮเทลล์

  • ประเทศไทย: บริษัทจะเริ่มปิดโรงแรมในกรุงเทพมหานคร โดยได้ปิดร้านอาหารและบาร์ไปแล้วตามข้อกำหนดของกรุงเทพมหานคร อีกทั้งบริษัทเริ่มมีการเตรียมความพร้อมในการปิดโรงแรมในต่างจังหวัด โดยการดำเนินการดังกล่าวเป็นมาตรการเพื่อช่วยหยุดการระบาดของโรคและช่วยป้องกันสุขภาพของแขกผู้เข้าพักในโรงแรมและพนักงาน พร้อมไปกับเป็นการลดต้นทุนในการดำเนินงาน โดยมาตรการในระยะสั้นนี้เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อที่จะให้ธุรกิจสามารถดำเนินการต่อไปได้ในระยะยาว
  • ส่วนมหาสมุทรอินเดียและประเทศเพื่อนบ้าน: โรงแรมทั้งหมดยังคงเปิดให้บริการ ยกเว้นโรงแรมอนันตรา เดซารูในประเทศมาเลเซีย ซึ่งถูกปิดตามคำสั่งของรัฐบาล นอกจากนี้ได้มีการรวมการดำเนินงานของโรงแรมอนันตรา คาลูทารา และอวานี คาลูทาราในประเทศศรีลังกาเป็นการชั่วคราว เพื่อลดต้นทุน
  • ประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์: โรงแรมทั้งหมดยังคงเปิดให้บริการตามปกติ
  • ตะวันออกกลางและทวีปแอฟริกา: โรงแรมทั้งหมดในตะวันออกกลางดำเนินการภายใต้สัญญารับจ้างบริหารโดยไมเนอร์โฮเทลส์มีการทำงานอย่างใกล้ชิดกับเจ้าของโรงแรม และมีการกำหนดมาตรการเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละประเทศโดยรัฐบาลของประเทศหลักๆในภูมูภาคได้จัดตั้งกองทุน บรรเทาทุกข์เพื่อให้ความช่วยเหลือ ส่วนในทวีปแอฟริกา โรงแรมส่วนใหญ่ยังคงเปิดให้บริการ โดยมีการเฝ้าระวัง การเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ไวรัสและนโยบายรับมือของรัฐบาล
  • ทวีปยุโรปและลาตินอเมริกา: บริษัทได้กำหนดกลยุทธ์ระยะสั้นให้ปิดโรงแรมให้มากที่สุด เนื่องจากจำนวนแขกที่เข้าพักไม่เพียงพอ ทั้งนี้ เพื่อลดต้นทุน และรักษาสภาพคล่องท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย โรงแรมในประเทศอิตาลีและสเปนปิดทั้งหมด ยกเว้นโรงแรม 6 แห่งในบางเมืองที่ถูกแปลงให้เป็นโรงพยาบาล และสถานที่รับรองบุคลากรทางการแพทย์ โดยในประเทศสเปน กฎหมายใหม่ภายใต้ภาวะฉุกเฉินกำหนดให้ปิดโรงแรมทั้งหมด เช่นเดียวกับในเยอรมนี กลุ่มประเทศเบเนลักซ์ และลาตินอเมริกา เอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ปอย่รูหว่างการดำเนินการตามกลยุทธ์เดียวกัน โดยจะพิจารณาการปิดโรงแรมตามระดับของกิจกรรม อัตราการเข้าพัก และการกำหนดทิศทางของรัฐบาล

ไมเนอร์ ฟู้ด

  • ประเทศไทย: ปิดสาขาร้านอาหารแบบนั่งทานเต็มรูปแบบในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ขณะที่ร้านให้บริการจัดส่งอาหารและซื้อกลับบ้าน (ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 60% ของร้านอาหารทั้งหมดในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลยังคงเปิดให้บริการ ส่วนในต่างจังหวัด ร้านอาหารแบบนั่งทานเต็มรูปแบบบริการจัดส่งอาหาร และซื้อกลับบ้านยังคงเปิดให้บริการตามปกติทั่วประเทศ

    อย่างไรก็ตาม ไมเนอร์ฟู้ดจะปฏิบัติตามคำสั่งของหน่วยงานท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป โดย ณ วันที่ 22 มี.ค.นั้น 87% ของร้านอาหารทั้งหมด 1,483 สาขาทั่ว ประเทศไทยยังคงเปิดให้บริการ ทั้งนี้ ท่ามกลางสถานการณ์ปัจจุบันที่คนส่วนใหญ่อยู่บ้านและทำงานที่บ้าน ไมเนอร์ฟู้ดได้เสริมสร้างขีดความสามารถในบริการจัดส่งอาหารเพื่อเพิ่มยอดขาย
  • ประเทศจีน: ภายหลังจากปิดร้านอาหารส่วนใหญ่เกือบ 100 สาขาในประเทศจีนเป็นการชั่วคราวในเดือน ก.พ.เนื่องจากความรุนแรงของการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ขณะนี้ได้เปิดสาขาส่วนใหญ่อีกครั้ง คิดเป็นจำนวนสาขามากกว่า 90% ในช่วงต้นเดือน มี.ค. โดยในปัจจุบันยอดขายปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุก ๆ สัปดาห์ ซึ่งเป็นกรณีที่ดีที่สุดจากการทำการวิเคราะห์ Sensitivity Analysis เมื่อเดือน ก.พ. ทั้งนี้ หากสถานการณ์ยังคงปรับตัวดีขึ้น อย่างต่อเนื่อง ไมเนอร์ ฟู้ด คาดว่าการดำเนินงานจะฟื้นตัวสู่ระดับก่อนเกิดวิกฤตในอีกหนึ่งเดือนครึ่งข้างหน้า
  • ออสเตรเลีย: เดอะ คอฟฟี่ คลับ ได้รับผลกระทบจากการประกาศของรัฐบาลในการสั่งปิดร้านอาหารและร้านกาแฟ แม้ว่าร้าน อาหารจะไม่สามารถให้บริการภายในร้านได้อีกต่อไป แต่ร้านอาหารกว่าสองในสามของร้านอาหารทั้งหมด 287 สาขามีบริการจัดส่งอาหารและนำกลับบ้าน ซึ่งไมเนอร์ฟู้ดได้เปลี่ยนไปมุ่งเน้นในการเพิ่มยอดขายจากช่องทางดังกล่าว ส่วนร้านอาหารในประเทศนิวซีแลนด์ได้ปิดลงแล้ว

ไมเนอร์ ไลฟ์สไตล์

จากจุดจำหน่ายสินค้าทั่วประเทศ ประมาณครึ่งหนึ่งอยู่ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และได้ปิดให้บริการตามประกาศของกรุงเทพมหานคร โดยไมเนอร์ ไลฟ์สไตล์ได้ย้ายพนักงานไปทำงานที่สาขานอกกรุงเทพมหานครยังเปิดให้บริการอยู่ อีกทั้งจะเปลี่ยนไปมุ่งเน้นที่ช่องทางออนไลน์และการผลิตผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมือและน้ำยาทำความสะอาดอื่นๆ ซึ่งเป็นที่ต้องการมากขึ้นในภาวะปัจจุบัน

ด้านกระแสเงินสดและงบดุล ในสถานการณ์นี้ บริษัทให้ความสำคัญในการรักษากระแสเงินสดและสภาพคล่อง โดยบริษัทมีเงินสด ณ สิ้นปี 62 จำนวน 1.3 หมื่นล้านบาท และวงเงินสินเชื่อจำนวน 3.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งเมื่อรวมกับวงเงินสินเชื่อหมุนเวียนของเอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ปอีกจำนวน 250 ล้านยูโร จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องของบริษัท นอกจากนี้ แผนการลงทุนในสินทรัพย์ของบริษัททั้งหมดได้ถูกระงับไว้ชั่วคราว และจะมีการดำเนินการต่อเมื่อเพื่อให้เป็นไปตามภาระผูกพันที่ได้เกิดขึ้นแล้วเท่านั้น

ณ สิ้นปี 62 อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 1.3 เท่า เป็นระดับเดียวกับเป้าหมายของบริษัท และต่ำกว่าเงื่อนไขของเงินกู้และหุ้นกู้ที่ระดับ 1.75 เท่า ทั้งนี้ บริษัทได้ทำการวิเคราะห์สถานการณ์ (Scenario Analysis) อย่างต่อเนื่อง โดยมีการเปลี่ยนแปลงสมมติฐานตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งนี้ การทดสอบภาวะวิกฤต (Stress Test) ในเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานะทางการเงินให้เป็นไปตามเงื่อนไขของเงินกู้และหุ้นกู้ได้ในการทดสอบเงื่อนไขครั้งต่อไปจากสถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

อย่างไรก็ตาม บริษัทจะมีการปรับเปลี่ยนมาตรการเหล่านี้ตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละวัน

บริษัทขอเน้นย้ำว่าสุขภาพและความปลอดภัยของแขกที่เข้าพัก ลูกค้า พนักงาน และพันธมิตรทางธุรกิจทุกคนเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง โดยทุกหน่วยธุรกิจของบริษัทมีการทำงานร่วมกันกับหน่วยงานด้านสุขภาพในแต่ละประเทศ เพื่อให้มั่นใจว่าทุกภาคส่วนมีความตื่นตัวและมีความพร้อมที่จะดำเนินการตามมาตรการป้องกันที่เพิ่มขึ้นตามความเหมาะสม

เนื่องจากสถานการณ์ดังกล่าวยังคงเปลี่ยนแปลงไปทุกวัน และด้วยความไม่แน่นอนในอนาคต บริษัทจึงมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ เพื่อเป็นการลดผลกระทบต่อรายได้และความสามารถในการทำกำไร บริษัทจึงมีการดำเนินมาตรการที่เข้มงวดในทุกหน่วยธุรกิจและหน่วยงานสนับสนุน อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงมั่นใจว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว และแม้ว่าบริษัทจะมีผลการดำเนินงานที่อ่อนตัวลงในขณะนี้ แต่บริษัทมั่นใจว่าความต้องการจะกลับมาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อสถานการณ์คลี่คลายลง โดยบริษัทคาดว่าการฟื้นตัวดังกล่าวจะรวดเร็วและเห็นได้ชัด ซึ่งจะช่วยชดเชยกับการชะลอตัวลงดังที่บริษัทได้ประสบอยู่ในขณะนี้ได้บางส่วน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 มี.ค. 63)

Tags: , , , ,
Back to Top