หุ้นไทยเช้านี้แนวโน้มลุ้นรีบาวด์หลังร่วงไป 6 วันซ้อน รับ Sentiment บวกจากตปท.

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ลุ้นรีบาวด์หลังร่วงไป 6 วันซ้อน เล็งรับ Sentiment บวกจากตลาดต่างประเทศที่ขึ้นกันทั่วหน้า โดยตลาดภูมิภาคเช้านี้แกว่งบวกทั่วหน้าตามตลาดสหรัฐฯ หลังหลังข่าวทำเนียบขาวบรรลุข้อตกลงกับสภาคองเกรสในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ อีกทั้งดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเยอรมนีออกมาดีด้วย แต่ตลาดบ้านเราอาจรีบาวด์จำกัด-คงจะยังไม่ผ่าน 1,600 เหตุกังวลโควิดระบาดในกทม.-หวั่นเปิดประเทศล่าช้า อีกทั้งปัจจัยการเมืองรบกวน รวมถึงกระแสเงินทุนต่างชาติยังเป็นลบ พร้อมให้แนวรับ 1,570-1,575 แนวต้าน 1,590-1,600 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะรีบาวด์หล้งจากที่ร่วงลงไป 6 วันติดต่อกัน และได้ Sentiment บวกจากตลาดต่างประเทศที่ปรับตัวขึ้นกัน โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างเคลื่อนไหวในแดนบวกกันทั่วหน้า ตามตลาดสหรัฐฯ ซึ่งดัชนี S&P500 และดัชนี Nasdaq ได้ทำจุดสูงสุดใหม่ หลังข่าวทำเนียบขาวบรรลุข้อตกลงกับสภาคองเกรสในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งมาตรการดังกล่าวรวมถึงการใช้จ่ายงบประมาณครั้งใหม่วงเงิน 5.79 แสนล้านดอลลาร์ด้วย อีกทั้งดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเยอรมนีออกมาดีด้วย

สำหรับตลาดบ้านเราคาดว่าจะรีบาวด์ในกรอบจำกัด และอาจจะยังไม่ผ่านแนว 1,600 จุด เนื่องจากมีความกังวลการแพร่ระบาดโควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และอาจจะทำให้การเปิดประเทศล่าช้า อีกทั้งปัจจัยการเมืองก็ยังรบกวนด้วย นอกจากนี้กระแสเงินทุนต่างชาติยังเป็นลบ หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้เร็วกว่าคาด และอาจจะปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ด้วย

พร้อมให้แนวรับ 1,570-1,575 จุด ส่วนแนวต้าน 1,590-1,600 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (24 มิ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,196.82 จุด เพิ่มขึ้น 322.58 จุด (+0.95%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,266.49 จุด เพิ่มขึ้น 24.65 จุด (+0.58%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,369.71 จุด เพิ่มขึ้น 97.98 จุด (+0.69%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 0.73 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 262.07 จุด และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 120.21 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (24 มิ.ย.) 1,585.72 จุด ลดลง 6.36 จุด (-0.40%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 646.86 ล้านบาท เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.64
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (24 มิ.ย.) ปิด 73.30 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 22 เซนต์ หรือ 0.3%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (24 มิ.ย.) อยู่ที่ 1.67 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 31.77/79 กลับมาแข็งค่าจากวานนี้ ให้กรอบ 31.50-31.90 รอปัจจัยใหม่
  • ศบค.ชุดเล็ก ชง ศบค.ใหญ่ เคาะล็อกดาวน์ กทม.วันนี้ “อนุพงษ์” หนุนแนวทางแก้การแพร่ระบาด-เตียงขาดแคลน ถกข้อดี-ข้อเสีย ห่วงคนทำมาหากินเดือดร้อน สธ.เร่งระดมบุคลากรตจว. แพทย์จบใหม่ ร่วมดูแลผู้ป่วย เพิ่มทีมสอบสวนโรค สกัดโรคให้เร็วก่อนแพร่ระบาดวงกว้าง “อนุทิน” ประกาศไม่มีวันยอมให้ระบบสาธารณสุขล่ม เล็งต่อบุษราคัมอีก 3 เดือน.
  • ส่งออก พ.ค.ขยายตัว 41.59% สูงสุดรอบ 11 ปี ปัจจัยบวกจากเศรษฐกิจคู่ค้าฟื้นตัว การฉีดวัคซีน ตลาดหลักพุ่งแรง สหรัฐโต 44.9% ยุโรปโต 54.9% “จุรินทร์” มั่นใจปีนี้เกินเป้าหมาย 4% สั่งเดินหน้าแผนผลักดันการส่งออกครึ่งปีหลัง สรท.ห่วงค่าระวางเรือพุ่ง 3-4 เท่า ยื่นคณะกรรมการแข่งขันการค้ายุโรปแก้ปัญหา
  • สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)เผยขณะนี้ สศค.อยู่ระหว่างการประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างไร และจะมีการปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยในทิศทางใดคาดว่าในเดือน ก.ค.นี้ จะมีความชัดเจน ซึ่งการปรับประมาณการเศรษฐกิจทุกครั้งจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเพราะมีหลายปัจจัยที่ต้องนำมาพิจารณาและอ้างอิงข้อมูลของทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์)หรือ สศช.ด้วย โดยล่าสุด เมื่อเดือน เม.ย. สศช.ได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยเติบโตปี 2564 ที่ 2.3% ซึ่งครั้งนั้นยังไม่ได้รวมการแพร่ระบาดโควิดระลอก 3 แต่อย่างใด
  • นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)เปิดเผยว่า กลุ่มยานยนต์ขอติดตามการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์(ชิป)รวมถึงสถานการณ์โควิด-19 ระลอก 3 ในประเทศ ที่มีคลัสเตอร์ในโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ ว่าจะกระทบต่อแผนการผลิตยานยนต์มากน้อยเพียงใด หากไม่กระทบมากเดือน ก.ค.นี้ อาจปรับเป้าหมายการผลิตรถยนต์ปีนี้ใหม่จากเดิม ที่วางแผนไว้ว่าจะผลิตได้รวม 1,500,000 คัน เป็น 1,550,000-1,600,000 คัน หรือเพิ่มขึ้นอีก 50,000-100,000 คัน เนื่องจากพบว่าสัญญาณการส่งออกยานยนต์เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

หุ้นเด่นวันนี้

  • CHG (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้า 4.50 บาท คาดกำไรสุทธิ Q2/64 โตแรงทั้ง qoq และ yoy ตามยอดติดเชื้อโควิดทั่วประเทศที่เพิ่มขึ้นจากเฉลี่ย 18,000 รายต่อวันใน Q1/64 เป็น 40,000-50,000 รายต่อวันใน Q2/64 หรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ยกว่า 150%qoq
  • AH (ฟันันเซีย ไซรัส) “ซื้อ”เป้า 30.80 บาท คาดได้ Sentiment บวกต่อเนื่องจากการส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์และยอดผลิตรถยนต์ในประเทศที่แข็งแกร่ง ส่วนแนวโน้มกำไร Q2/64 แม้จะอ่อนตัวระยะสั้น แต่คาดแนวโน้ม H2/64 ต่อเนื่อง 2565 ยังฟื้นตัวดีต่อเนื่อง พร้อมคาดกำไรปี 2564-2565 +520% Y-Y และ +35% Y-Y ตามลำดับ ส่วน Valuation ถูกมากโดยเทรด PE เพียง 8.2 เท่า และคาดให้ Dividend Yield ปีนี้ราว 4.3% ช่วยจำกัด Downside
  • NER (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อ”เป้า IAA Consensus 8.00 บาท ได้แรงหนุนจากตัวเลขการส่งออกผลิตภัณฑ์ยางพาราในเดือน พ.ค.ที่ขยายตัวดี ด้านผู้บริหารปรับเพิ่มเป้ารายได้ปี 64 เพิ่มเป็น 2.45 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่ 2.2 หมื่นล้านบาท และเพิ่มเป้าปริมาณขายขึ้นเป็น 4.4 แสนตัน จาก 4.1 แสนตัน ตามความสามารถในการผลิตที่เพิ่มขึ้นรองรับยอดขายไปจนถึง Q4/64 โดยคาด GPM ปี 64 ทำให้ใกล้เคียงช่วง Q1/64 ที่ 12.8% สูงกว่าปี 63 ที่ 10.6% โดยเป็นผลมาจากราคายางที่สูงขึ้น นอกจากนี้ในปลายปี 64 มีแผนจะขยายโรงงานเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตอีก 5 หมื่นตัน จาก 4.6 แสนตัน เป็น 5.1 แสนตัน สำหรับสัดส่วนรายได้ปี 64 จำหน่ายสินค้าในประเทศและต่างประเทศเป็น 60 : 40 ซึ่งในสัดส่วนลูกค้าต่างประเทศแบ่งเป็น จีน 70% , ญี่ปุ่น 20% และอื่น ๆ อีก 10%

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 มิ.ย. 64)

Tags: , , , , , ,
Back to Top