ญี่ปุ่นเผยสินทรัพย์ภาคครัวเรือนเดือนมี.ค.เพิ่ม 7.1% รับอานิสงส์ราคาหุ้นพุ่ง

ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยในวันนี้ว่า ภาคครัวเรือนญี่ปุ่นถือครองสินทรัพย์เพิ่มขึ้น 7.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะระดับ 1,946 ล้านล้านเยน (17 ล้านล้านดอลลาร์) ณ สิ้นเดือนมี.ค. 2564 เนื่องจากผู้บริโภคลดการใช้จ่ายลงในช่วงที่ไวรัสโควิด-19 ยังแพร่ระบาด นอกจากนี้ มูลค่าการถือครองสินทรัพย์ของภาคครัวเรือนยังได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาหุ้น

รายงานของ BOJ ระบุว่า สินทรัพย์ในรูปเงินสดและเงินฝากของภาคครัวเรือน เพิ่มขึ้น 5.5% แตะที่ 1,056 ล้านล้านเยน ซึ่งคิดเป็นอัตราส่วน 54.3% ของสินทรัพย์ทั้งหมดที่ถือครองโดยภาคครัวเรือนญี่ปุ่น และนับเป็นระดับการถือครองสินทรัพย์ประเภทดังกล่าวสูงสุดในรอบปี

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า การระบาดของโควิด-19 ยังคงสร้างผลกระทบยืดเยื้อ ส่งผลให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการออกนอกบ้านและใช้จ่ายเงินลดลง นอกจากนี้ ปัจจัยที่ทำให้ภาคครัวเรือนถือครองสินทรัพย์เพิ่มขึ้นนั้น ส่วนหนึ่งยังเป็นผลมาจากการที่รัฐบาลออกโครงการแจกเงินสด 100,000 เยนให้กับประชาชนทุกคนทั่วประเทศ เพื่อเยียวยาภาคครัวเรือนเมื่อปีที่ผ่านมา

นักวิเคราะห์กล่าวว่า ผู้คนอาจกลับมาใช้จ่ายมากขึ้นเมื่อสถานการณ์การระบาดคลี่คลายลง ซึ่งจะช่วยพยุงภาคเศรษฐกิจในช่วงที่ยังกลับมาฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ เนื่องจากญี่ปุ่นประสบปัญหาในการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 อันเป็นผลสืบเนื่องจากการวัคซีนที่ล่าช้า

ส่วนสินทรัพย์ในรูปหลักทรัพย์ที่ภาคครัวเรือนถือครองนั้น ปรับตัวขึ้น 32.1% แตะที่ 195 ล้านล้านเยน เนื่องจากราคาหุ้นที่กลับมาดีดตัวขึ้นหลังทรุดลงเมื่อปีก่อนในช่วงที่โควิด-19 เริ่มระบาด

รายงานของ BOJ ยังระบุด้วยว่า บริษัทนอกภาคการเงินถือครองเงินสดและเงินฝากเพิ่มขึ้น 15.7% แตะที่ 320 ล้านล้านเยน หรือราว 1 ใน 4 ของสินทรัพย์ทั้งหมด ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าบริษัทมีการใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง ส่วนสินทรัพย์ทั้งหมดที่ถือครองโดยบริษัทนอกภาคการเงินนั้น เพิ่มขึ้น 14.2% แตะที่ 1,247 ล้านล้านเยน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 มิ.ย. 64)

Tags: , , , , ,
Back to Top