รัฐบาลเตรียมเยียวยานายจ้าง-ลูกจ้าง 6 จ.รับผลกระทบมาตรการกึ่งล็อกดาวน์ 1 เดือน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 (ศบศ.) ว่า รัฐบาลรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วนและพิจารณาความเดือดร้อนเกิดขึ้นจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ตามประกาศภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ฉบับที่ 25 ที่ยกระดับมาตรการควบคุมพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) และปริมณฑล รวมทั้ง 4 จังหวัดภาคใต้

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า การหารือวันนี้เนื่องจากความจำเป็นที่จะต้องให้ความสำคัญและลดผลกระทบใน 6 จังหวัด คือกรุงเทพฯและปริมณฑลก่อนในระยะเวลา 1 เดือน โดยเฉพาะคลัสเตอร์แรงงาน เนื่องจากพบว่ามีการแพร่ระบาดในกลุ่มนี้จำนวนมาก และส่งผลระทบไปถึงกิจการอื่นๆ

ทั้งนี้ รัฐบาลมีงบประมาณที่เตรียมไว้แล้วทั้งในส่วนของรัฐบาลและกองทุนประกันสังคม จำนวน 7,500 ล้านบาท โดยจะเร่งดำเนินการเยียวยาใน 6 จังหวัด ประกอบด้วยหมวดธุรกิจต่าง ๆ ได้แก่ ก่อสร้าง ที่พักแรม, บริการอาหาร ศิลปบันเทิงและนันทนาการ ที่ได้รับผลกระทบจำนวนมาก ซึ่งลูกจ้างในระบบประกันสังคมจะได้รับค่าแรงจากการหยุดงานด้วยเหตุสุดวิสัยจากกระทรวงแรงงาน 50% ของค่าจ้าง หรือไม่เกิน 7,500 บาท

นอกจากนี้จะมีมาตรการที่ดูแลนายจ้างในกิจการขนาดเล็กที่มีการจ้างงานไม่เกิน 200 คน จะชดเชยตามจำนวนลูกจ้างที่มี รวมทั้งชดเชยให้ลูกจ้างด้วย

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนกรณีที่พบแรงงานในแคมป์คนงานก่อสร้างบางส่วนทยอยเดินทางกลับบ้านก่อนที่มาตรการปิดชั่วคราวจะมีผลบังคับใช้นั้น รัฐบาลก็มีความห่วงใยและได้สั่งการให้ทหาร ตำรวจ พลเรือนปฏิบัติหน้าที่ควบคุมแคมป์คนงานทันที เพื่อป้องกันการเคลื่อนย้าย และระมัดระวังไม่ให้นำเชื้อโควิดออกไปแพร่กระจาย แต่โดยส่วนตัวเชื่อว่าคงไม่มีใครอยากเดินทางกลับบ้านตอนนี้ เพราะจะต้องถูกควบคุมในพื้นที่และไม่มีงาน แต่หากยังอยุ่ในแคมป์ที่เจ้าหน้าที่ควบคุมและได้รับค่าแรงตามอัตราที่กำหนด

นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า เป็นห่วงร้านอาหารรายย่อย จึงมีแนวคิดให้ไปสั่งซื้ออาหารจากร้านเหล่านี้ไปส่งให้แคมป์ก่อสร้างที่ต้องถูกปิด เพื่อช่วยให้ร้านอาหารมีรายได้ ซึ่งทาง กทม.ได้รับทราบในเรื่องนี้แล้ว

ส่วนที่ประชาชนไม่สบายใจและไม่พอใจกับมาตรการที่ออกมานั้น ขอให้เข้าใจว่ารัฐบาลต้องบริหารงานให้เป็นระบบ มิเช่นนั้นจะเกิดปัญหาพัวพันไปในอนาคต ดังนั้น ยืนยันรัฐบาลดำเนินการอย่างรอบคอบรัดกุม ซึ่งมาตรการทั้งหมดจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีต่อไป

“แน่นอนต้องมีคนไม่พอใจ ไม่สบายใจ ต้องเข้าใจเราต้องบริหารให้เป็นระบบให้ได้ มิเช่นนั้นมันจะเกิดปัญหาพันกันยุ่งเหยิงต่อไปในอนาคต”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พร้อมกันนั้น นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า โครงการคนละครึ่ง เฟส 3 และโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ยังเป็นไปตามกำหนดการเดิมที่วางไว้

สำหรับข้อเสนอผู้ประกอบการร้านอาหารที่เสนอให้รับประทานในร้านได้ 25% พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า ขอดูก่อน รัฐบาลมีเยียวยาให้หมดในช่วง 1 เดือน อย่างวันนี้ พวกก่อสร้างก็เดือดร้อน ก็ต้องพิจารณาเป็นกรณีๆไป ตรงไหนเป็นการก่อสร้างทางเทคนิคที่จำเป็นต้องก่อสร้างต่อเนื่องก็สามารถขออนุญาตมา ซึ่งทาง ศบค.จะพิจารณาให้

“รัฐบาลนี้ยืนยันผมดูแลเต็มที่ รับฟังความเห็นของทุกคน ชอบไม่ชอบ ก็รับฟังทั้งหมด ผมก็ดูว่าอันไหนทำได้ก็รับมา แต่ถ้าอันไหนไม่เป็นประโยชน์ ก็ไม่อยากจะดู ถ้าเป็นเชิงสร้างความเกลียดชังมากๆ ไม่เกิดประโยชน์ เวลานี้บ้านเมืองต้องเป็นแบบนี้ ไม่ได้รังเกียจใครเลย เพราะทุกคนเป็นคนไทย แต่ก็ผมก็เสียใจเหมือนกันที่หลายๆคน ใช้กิริยาไม่สุภาพ มันควรหรือไม่ในประเทศวันนี้ ผมก็ไม่อยากจะพูด แต่ผมก็อดทน”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี ยังยืนยันว่า รัฐบาลจะเดินหน้าเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ในวันที่ 1 ก.ค.นี้ แน่นอน ซึ่งทุกคนจำเป็นต้องช่วยกัน และต้องหามาตรการที่เหมาะสมให้เดินหน้าไปได้ ซึ่งตนเองต้องเชื่อคำแนะนำจากทางแพทย์ที่ยืนยันว่าหากฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มและอยู่ในพื้นที่จำกัด ถ้าหากสามารถควบคุมได้ก็นำมาตรการไปใช้กับเกาะอื่นๆต่อไป

“ที่ผ่านมา เราก็รับฟังความคิดเห็น ทุกคนเดือนร้อน ทุกคนก็ขอผ่อนคลาย เราก็ผ่อนคลายให้ เมื่อผ่อนคลายแล้วเกิดปัญหาก็ต้องร่วมมือกันแก้ปัญหา เช่น ร้านอาหารขอเปิด 25% 50% ผมก็ให้ แต่พอให้เกิดปัญหาให้ผมทำอย่างไร”

พลเอกประยุทธ์ กล่าว

ส่วนกรณีเตียงผู้ป่วยที่ยังไม่เพียงพอนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้เร่งเพิ่มเตียงในกลุ่มสีแดง ซึ่งวันนี้ก็ได้รับทราบว่ามีการเคลื่อนย้ายคนป่วยไปต่างจังหวัด ซึ่งก็ต้องมีการเตรียมการไว้ ซึ่งในขณะนี้มีผู้ป่วยอยู่ในระบบรักษาประมาณ 4 หมื่นคน และวันนี้ได้มีการสั่งการให้มีการรองรับผู้ป่วยสีแดงในพื้นที่ให้มากขึ้น ซึ่งต้องมีบุคลากรทางแพทย์ให้เพียงพอ โดยจะมีการนำแพทย์จบใหม่มาช่วยงานเพิ่มเติม

“อาจถูกใจบ้าง ไม่ถูกใจบ้าง แต่เรารับฟังความเห็นทุกคน ฟังประชาชนมาแล้วก็ต้องมาปรึกษาพวกเรา ทำอย่างไรให้ดีที่สุด เห็นใจซึ่งกันและกัน มันไปได้หมด ถ้าไม่เห็นใจซึ่งกันและกัน มันไปไม่ได้ ความขัดแย้งก็สูงขึ้น การเมืองก็ขอไว้ อย่าเพิ่งเลย ผมจะหวั่นไหวอะไร ผมก็ยืนอยู่ตรงนี้ ผมไม่เคยหวั่นไหวอะไรทั้งสิ้น ผมก็จะทำของผมให้ดีที่สุด เพราะผมรักประชาชน”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ส่วนจะมีการชดเชยให้กับสถานบังเทิงที่ถูกปิดมาอย่างต่อเนื่องมาหลายเดือนหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี ตอบว่า “ก็ดูแล เดี๋ยวไปซักกันอีกที บางอันได้ตอนนี้ บางอันได้หลังจากนี้ เพราะวันนี้ย้ำแล้วเป็นการแก้ไขความเดือดร้อนจากฉบับที่ 25”

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 มิ.ย. 64)

Tags: , , , , , , , ,
Back to Top