SIMAT ดัน “ฮินซิซึ” ยื่นไฟลิ่งเข้าตลาดหุ้นราวปลายปี 64 หลังส่งกำไรปีนี้โตกระโดด

นายธีรวุฒิ กานต์นิภากุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายลงทุน บมจ.ไซแมท เทคโนโลยี (SIMAT) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมเพื่อยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) บมจ.ฮินซิซึ (ประเทศไทย) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ต่อกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในช่วงปลายปี 64 หรือ ต้นปี 65 เพื่อเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต่อไป โดยผู้ถือหุ้น SIMAT จะได้รับสิทธิในการจัดสรรหุ้นของ ฮินซิซึ เพื่อรักษาสิทธิ (Pre-emptive offering) ตามสัดส่วนการถือหุ้น

ฮินซิซึฯ ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่าย ลาเบลและซิลค์สกรีน โดยให้บริการออกแบบ พัฒนา และแปรรูปสิ่งพิมพ์มีกาว สำหรับลูกค้าอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ด้วยการจัดหาและพัฒนาวัตถุดิบ และออกแบบกระบวนการผลิตให้ผลิตภัณฑ์มีคุณสมบัติเฉพาะตรงตามความต้องการของลูกค้า

สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนนั้น ฮินซิซึ จะนำไปใช้ในการเข้าซื้อกิจการ (M&A) ในประเทศเวียดนาม ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการเจรจามาอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตามยังต้องรอสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลายก่อนที่จะเดินทางเข้าไปเจรจาอีกครั้ง

นายธีรวุฒิ กล่าวว่า แม้ว่ารายได้ของ SIMAT ในปี 64 จะเติบโตจากปีก่อนไม่มาก แต่คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 40.78 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากการรับรู้รายได้ของของ ฮินซิซึ ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 40% ซึ่งมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในต่างประเทศ และสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนคลี่คลายลง ทำให้กลุ่มลูกค้าส่งคำสั่งซื้อเข้ามาเพิ่มขึ้น

ในส่วนธุรกิจวิศวกรรม IT นั้น SIMAT ยังคงเดินหน้าหางานใหม่เข้ามาต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันทีมบริหารจะเน้นไปที่การลดต้นทุนการดำเนินงานให้ต่ำลง เนื่องจากเป็นจุดที่สามารถปรับปรุงได้ง่าย และเห็นผลทางตัวเลขได้ทันที โดยคาดว่าจะเริ่มเห็นต้นทุนที่ลดลงในไตรมาส 3/64 เป็นต้นไป
 
สำหรับธุรกิจอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ภายใต้โครงการ SINET บริษัทได้ลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.64 กับบริษัท เอฟโอที เอ็มเอสโอ จำกัด (FOT) ในเครือเจริญเคเบิลทีวีเพื่อร่วมพัฒนาธุรกิจอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ในโครงการ SINET ในพื้นที่กรุงเทพ เชียงใหม่ นครราชสีมา ขอนแก่น เป็นต้น โดยเป็นการนำทรัพยากรที่เกี่ยวข้องของทั้งสองฝ่ายมาใช้ประโยชน์ร่วมกันเพื่อยกระดับสินค้าหรือบริการทั้งในด้านคุณภาพ และปริมาณ ให้สามารถเกิดความได้เปรียบในการแข่งในตลาดได้
 
ปัจจุบัน บริษัทมีงานในมือ (Backlog) แล้ว 1,270 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นงานโครงการให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ห่างไกล (USO net) ระยะที่ 2 ซึ่งเป็นการบริการจัดการและบำรุงรักษาในระยะเวลาต่อเนื่อง 5 ปี ขณะเดียวกันบริษัทเตรียมจะเข้าประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง เบื้องต้นมี 2 โครงการ คือ Crouse Online มูลค่า 120 ล้านบาท และ MA Thai Post มูลค่า 100 ล้านบาท

“ปีก่อนมีสัดส่วนรายได้จากงานก่อสร้างมูลค่า 400-500 ล้านบาท แต่ในปีไม่มีสัดส่วนรายได้ดังกล่าวแล้ว ทำให้ภาพรวมรายได้อาจจะเติบโตไม่มาก แต่อย่างไรก็ตามรายได้จาก ฮินซิซึ มีการเติบโตค่อนข้างมาก และมีมาร์จิ้นสูงถึง 40% ทำให้ทิศทางกำไรสุทธิมีโอกาสการเติบโตค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับปีก่อน เห็นได้จากช่วงไตรมาส 1/64 ที่ผ่านมามีกำไรสุทธิแล้ว 17.08 ล้านบาท และอัตรากำไรสุทธิสูงขึ้นเป็น 10.21% จากปีก่อนที่ทำได้ 6.38%”

นายธีรวุฒิ กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 มิ.ย. 64)

Tags: , , , , , , ,
Back to Top