CAZ คาดรายได้-กำไรสุทธิ H2/64 โตกว่า H1/64 จากรับรู้งานในมือมากขึ้น-ประมูลงานใหม่เพิ่ม

น.ส.นิตา ตรีวีรานุวัฒน์ กรรมการ และกรรมการบริหาร บมจ.ซี เอ แซด (ประเทศไทย) (CAZ) เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดรายได้และกำไรสุทธิในครึ่งปีหลังนี้จะเติบโตกว่าครึ่งปีแรก เนื่องด้วยในไตรมาส 1/64 ผลการดำเนินงานได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างมีนัยสำคัญ

โดยลูกค้าซึ่งเป็นผู้รับเหมาหลักชาวต่างชาติ ไม่สามารถติดต่อประสานงาน รวมถึงเซ็นสัญญากันค่อนข้างยาก หรือ งานล่าช้าออกไปบ้าง เช่นโครงการล่าสุดที่เพิ่งได้รับงาน ได้แก่ งานโยธาของโครงการพลังงานสะอาด มูลค่า 173 ล้านบาท, งานผลิตขึ้นรูปและติดตั้ง งานโยธา งานโครงสร้าง งานเครื่องกล งานท่อ โครงการปรับปรุงโรงงานโอเลฟินส์ หน่วยที่ 2 มูลค่าราว 679 ล้านบาท และงานจัดหาและผลิตขึ้นรูปโครงสร้างเหล็ก โครงการปรับปรุงโรงโอเลฟินส์ หน่วยที่ 2 มูลค่าราว 127 ล้านบาท ที่ได้มีการประมูลงานดังกล่าวไปตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปีก่อน และเพิ่งได้เซ็นสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างกันในเดือนมิ.ย.นี้

อย่างไรก็ตามเชื่อว่าครึ่งปีหลังนี้จะสามารถทยอยรับรู้รายได้จากงานในมือ (Backlog) ที่ปัจจุบันมีอยู่ 4,564 ล้านบาท โดยจะทยอยส่งมอบงานภายใน 12-20 เดือน และยังอยู่ระหว่างการประมูลงาน ประเภทงานระบบไฟฟ้าและระบบวัดคุม (E&I Work) ในอุตสาหกรรม Refinery มูลค่า 360 ล้านบาท, งานรับเหมาก่อสร้างแบบครบวงจร (EPC) ในอุตสาหกรรม Oil&Gas มูลค่า 1,300 ล้านบาท คาดว่าจะทราบผลได้ในไตรมาส 3/64 รวมถึงยังมองโอกาสเข้าประมูลงาน EPC และงานรับเหมาทั่วไป (General Contractor) ในอุตสาหกรรม Gas มูลค่ารวมกว่า 1,232 ล้านบาท ในช่วงกลางปีถึงปลายปีนี้ โดยคาดว่าจะสามารถทราบผลการประมูลทั้งหมดในปี 64

“ลูกค้ายังมีการลงทุนทั้งในด้าน Gas และปิโตรเคมีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อมีการเปิดให้ประมูลงาน เราก็จะได้รับงานจากผู้รับเหมาหลักตลอด ทำให้คาดว่าภายใน 1-2 ปีนี้จะยังได้รับงานดังกล่าวเข้ามาอย่างต่อเนื่อง”

น.ส.นิตา กล่าว

นอกจากนี้บริษัทฯ ยืนยันว่าบริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากการปิดแคมป์ก่อสร้าง ระยะเวลา 30 วัน เนื่องจากไซต์งานอยู่ในพื้นที่จ.ชลบุรี และระยอง เป็นส่วนใหญ่ จึงเป็นผลให้บริษัทฯ มั่นใจว่ารายได้ปีนี้จะเติบโตกว่าปีก่อน ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 2,236.44 ล้านบาท จากครึ่งปีหลังจะรับรู้รายได้เข้ามามากกว่าครึ่งปีแรก

สำหรับการลงทุนในปีนี้ วางงบลงทุนไว้ที่ 35-40 ล้านบาท เพื่อใช้ในการลงทุนซื้อนั่งร้าน และอุปกรณ์อื่นๆ เพิ่ม โดยในช่วง 5 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ค.) ใช้ไปแล้วราว 50%

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 มิ.ย. 64)

Tags: , , , ,
Back to Top