SECURE ตั้งเป้ารายได้ปี 64 โต 15% เตรียมเซ็นสัญญาเป็นตัวแทนจำหน่ายรายใหม่

นายนักรบ เนียมนามธรรม ประธานเจ้าหน้าที้บริหาร บมจ.เอ็นฟอร์ซ ซีเคียว (SECURE) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 64 จะเติบโต 15% หรือมีรายได้ราว 800 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ 639.14 ล้านบาท

บริษัทเชื่อว่าผลประกอบการจะยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง จากการที่ภาครัฐและภาคเอกชนได้เน้นการพัฒนาระบบออนไลน์เพื่อรองรับการทำงานมากยิ่งขึ้น ซึ่งทำให้มีความต้องการใช้ระบบรักษาความปลอดภัยบนเครือข่าย (Network security) เข้ามาดูแลข้อมูลต่างๆ เพิ่มขึ้นด้วย โดยเฉพาะในส่วนของสถาบันทางการเงิน อีกทั้งนโยบายของภาครัฐที่ต้องการพัฒนาระบบต่าง ๆ ให้เป็นดิจิทัลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย

ขณะที่บริษัทเตรียมเซ็นสัญญาเพื่อเป็นตัวแทนจำหน่ายให้กับผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้รายใหญ่จากต่างประเทศอีกอย่างน้อย 1 รายในเดือน ก.ค.-ส.ค. นี้ และยังเดินหน้าพิจารณาการเข้าซื้อกิจการเพิ่มเติมในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องเพื่อที่จะเข้ามาเสริมความเข้มแข็งและการเติบโตของบริษัทในอนาคต สำหรับราคาหุ้น SECURE เปิดเทรดวันแรกที่ 27.50 บาท จากราคาขาย IPO ที่ 16 บาท/หุ้น มองว่า Cyber security เป็นเทรนด์ทั่วโลกที่นักลงทุนเข้าใจ โดยภายหลังจากการระดมทุนในครั้งนี้จะทำให้บริษัทฯ มีศักยภาพด้านฐานเงินทุนที่สูงขึ้น  และยังเป็นการเพิ่มศักยภาพให้สามารถรับงานองค์กรขนาดใหญ่ในอนาคต พร้อมๆ กับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องกับการ Cyber security ภายใต้แบรนด์ของตัวเอง รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพในการบริการให้กับลูกค้าจากการสร้างศูนย์ให้บริการด้านเทคนิค ตลอดจนการเดินหน้าเพื่อรุกขยายไปตลาดต่างประเทศ โดยคาดว่าจะเริ่มต้นในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะสนับสนุนการเติบโตทั้งในส่วนของรายได้ และกำไร จากงานที่จะเข้ามาเพิ่มมากขึ้นอย่างก้าวกระโดด

ด้านนายพายุพัด มหาผล กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO ของ SECURE กล่าวว่า การเปิดซื้อขายหุ้นในวันแรกถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของบริษัท ซึ่งจะสามารถนำเงินที่ได้รับจากการระดมทุนในครั้งนี้ไปต่อยอดธุรกิจ สร้างความเข้มแข็ง พร้อมทั้งผลักดันการเติบโตให้เป็นไปตามที่ตั้งเป้าหมาย รวมทั้งเชื่อว่า SECURE จะเป็นหุ้นที่มีคุณสมบัติเป็นหุ้น Super Growth ได้อย่างแน่นอน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ก.ค. 64)

Tags: , , , , , , , ,
Back to Top