หุ้นไทยเช้านี้แนวโน้มลุ้นขึ้นตามตลาดเอเชีย ขานรับหลายปัจจัยบวกจากตปท.

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ลุ้นขึ้นตามตลาดเอเชียที่บวกราว 0.2-0.3% เล็งขานรับปัจจัยบวกจากต่างประเทศ ทั้งตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ-ยุโรปออกมาดีกว่าคาด และราคาน้ำมันขึ้นหลังมีกระแสคาดการณ์กลุ่มโอเปกอาจเพิ่มกำลังการผลิตน้อยกว่าที่คาดหมายไว้ ล่าสุด IMF ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปี 64 ขึ้นสู่ระดับ 7% จากเดิมคาดไว้ที่ 4.6% อย่างไรก็ดีจะต้องติดตามเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าในรอบ 2 เดือน อาจกดดัน Fund Flow ได้ และสถานกาณณ์โควิดก็ไม่น่าไว้วางใจ จากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศวันนี้มีกว่า 6 พันราย ระหว่างวันตลาดฯอาจเผชิญแรงขายทำกำไรได้ พร้อมให้แนวรับ 1,584-1,580 แนวต้าน 1,600 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีลุ้นปรับตัวขึ้นได้เช่นเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ต่างเคลื่อนไหวในแดนบวกราว 0.2-0.3% รับปัจจัยบวกต่างประเทศจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่ออกมาดี หลังสหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานลดลงมากกว่าคาด ซึ่งสะท้อนตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯที่จะออกมาในวันนี้ ก็คาดว่าจะออกมาดีด้วย และตัวเลขเศรษฐกิจของยุโรปก็ออกมาดีกว่าคาด จากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของยูโรโซน ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 63.4 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันก็ปรับตัวขึ้นหลังมีกระแสข่าวคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส อาจจะเพิ่มกำลังผลิตน้อยกว่าที่คาดหมายไว้ก่อนหน้านี้ โดยกลุ่มโอเปกพลัสได้เลื่อนการประชุมไปเป็นวันศุกร์ที่ 2 ก.ค. และล่าสุดเช้านี้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปี 2564 ขึ้นสู่ระดับ 7% ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากจากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 4.6%

อย่างไรก็ดี จะต้องติดตามเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบ 2 เดือน อาจจะกดดัน Fund Flow ได้ และสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศก็ยังไม่วางใจ จากที่วันนี้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดมีถึงกว่า 6 พันคน ทำให้ระหว่างวันตลาดฯอาจเผชิญแรงขายทำกำไรได้ พร้อมให้แนวรับ 1,584-1,580 จุด ส่วนแนวต้าน 1,600 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (1 ก.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,633.53 จุด เพิ่มขึ้น 131.02 จุด (+0.38%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,319.94 จุด เพิ่มขึ้น 22.44 จุด (+0.52%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,522.38 จุด เพิ่มขึ้น 18.42 จุด (+0.13%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 12.20 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 31.07 จุด และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 18.89 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (1 ก.ค.) 1,593.75 จุด เพิ่มขึ้น 5.96 จุด (+0.38%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 233.74 ล้านบาท เมื่อวันที่ 1 ก.ค.64
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (1 ก.ค.) ปิด 75.23 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.76 ดอลลาร์ หรือ 2.4%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (1 ก.ค.) อยู่ที่ 2.37 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 32.09 อ่อนค่าต่อเนื่อง หลังดอลลาร์แข็งค่ารับตัวเลขศก.สหรัฐออกมาดี
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้รายงานผลสำรวจผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ต่อภาคธุรกิจไทย (BSI COVID) เดือน มิ.ย.2564 โดยพบว่า ระดับการฟื้นตัวของธุรกิจในภาพรวมปรับดีขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อน แต่ภาคการผลิตเริ่มได้รับผลกระทบจากการติดเชื้อในคลัสเตอร์โรงงาน การขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์และวัตถุดิบ การจ้างงานทรงตัว โดยใช้นโยบายสลับกันมาทำงาน และลดชั่วโมงทำงาน บางธุรกิจปลดคนงานเพิ่ม โดยคาดว่าการฟื้นตัวของธุรกิจจะล่าช้าออกไปอย่างน้อยครึ่งปีหลังของปี 2565 ทั้งนี้ จากผลสำรวจภาคธุรกิจต้องการให้ภาครัฐมีการเร่งกระจายฉีดวัคซีนมากที่สุด รองลงมาคือ มาตรการช่วยเหลือด้านต้นทุน โดยธุรกิจส่วนใหญ่ค่อนข้างมีความพร้อมในการฉีดวัคซีน โดยมีแผนให้พนักงานฉีดวัคซีนตามสิทธิประกันสังคม หรือตามที่รัฐประกาศ
  • ทอท.เปิดตัวเลขผู้โดยสาร 8 เดือนแรกลด 71.5% ลั่นเดินหน้าลงทุนเพิ่มขีดความสามารถสนามบิน ลุยดอนเมืองเฟส 3 และขยายเชียงใหม่ คาดชง ครม.อนุมัติปี 65 ลั่นไม่ชะลอลงทุนขยายสนามบิน พร้อมลุยปรับใช้ไอทีบริการ เตรียมรับการบิน-ผู้โดยสารฟื้นตัว
  • นายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) (CIMB) แถลงในหัวข้อ “เศรษฐกิจไทย Slow but S.U.R.E.?…ฟื้นตัวช้าแต่ไม่ถึงขั้นวิกฤติ กับ 4 ปัจจัยเสี่ยง” โดยกล่าวว่า สำนักวิจัยได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจของไทยหรือ จีดีพีในปี 2564 ลงจากเดิมที่เคย ประมาณการไว้ที่ 1.9% เหลือ 1.3% พร้อมปรับลดประมาณการในปี 2565 ลงจาก 5.1% ลดลงมาอยู่ที่ 4.2%
  • นางสาวนันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กล่าวถึงภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยต่อวันรอบ 5 เดือนของปี 2564 (ม.ค.-พ.ค.2564) ว่า ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 2.4% โดยสาเหตุหลักมาจากการใช้น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) ที่ลดลง 58.9% สำหรับการใช้กลุ่มเบนซินเพิ่มขึ้น 2% แต่ยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติ กลุ่มดีเซลลดลง 0.5% น้ำมันเตาเพิ่มขึ้น 19.5% น้ำมันก๊าดลดลง 1.9% LPG เพิ่มขึ้น 8.2% และ NGV ลดลง 20.3%

หุ้นเด่นวันนี้

  • CHAYO-W2 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ.ชโย กรุ๊ป (CHAYO)) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 212,129,263 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 10.25 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 2 ปี นับจากวันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (23 มิถุนายน 2564) ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 30 ก.ย. 2564 และวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 22 มิ.ย. 2566
  • ICHI (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้า 17 บาท คาดกำไรสุทธิ Q2/64 เติบโตทั้ง qoq และ yoy จาก high season, ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ และมีรายได้จาก OEM เพิ่มขึ้นจากการรับผลิตให้กลุ่ม Kingpower
  • TKS (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ”เป้า 15.80 บาท คาดได้อานิสงส์เชิงบวกจาก Synergy ร่วมกันระหว่าง SYNEX-SABUY ทั้งการนำสินค้าของ SYNEX ขายผ่าน Channel ของ SABUY ขณะที่ SYNEX สามารถนำระบบ Payment และ CRM มาใช้ประโยชน์ในอนาคต ทั้งนี้ คาด TKS ได้ประโยชน์ผ่านการถือหุ้น SYNEX 38.5% SABUY 9.7% และ TBSP 25% ราคาหุ้นปัจจุบันยัง Under Value และ Discount จาก NAV บริษัทลูกอยู่เกือบ 50%
  • ASIAN (กสิกรไทย) “ซื้อ”เป้า 18.7 บาท ธุรกิจยังอยู่ในทิศทางที่ดีหนุนจากอุปสงค์อาหารสัตว์เลี้ยงและอาหารทะเลแช่แข็งแบบ pre-fried ที่แข็งแกร่งและเงินบาทที่อ่อนค่าลงในช่วงที่ผ่านมา โดยคาด ASIAN จะรายงานกำไรสุทธิที่เติบโตขึ้น QoQ แต่ลดลงเล็กน้อย YoY จากกำไรจาก FX ระดับต่ำขณะที่คาดกำไรปกติจะเติบโตขึ้น YoY และ QoQ โดยได้มีการปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2565-66

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 ก.ค. 64)

Tags: , , , , , ,
Back to Top