อียูอาจไม่เปิดรับนักเดินทางที่ฉีดวัคซีน “โควิชีลด์” เหตุยังไม่ยื่นขออนุมัติทางการค้า

คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ระบุว่า นักเดินทางที่ฉีดวัคซีนโควิชีลด์ (Covishield) ของแอสตร้าเซนเนก้าซึ่งอินเดียเป็นผู้ผลิตนั้น อาจประสบปัญหาด้านการเดินทางเข้าสู่ภูมิภาค หลังจากที่สหภาพยุโรปได้เปิดพรมแดนรับนักท่องเที่ยวนอกภูมิภาคอีกครั้ง โดยเฉพาะผู้ที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบโดสแล้ว

นายสเตฟาน เดอ เคียร์ชแมกเกอร์ โฆษกด้านสุขภาพของ EC กล่าวว่า ขณะที่องค์การยาแห่งยุโรป (EMA) อนุมัติวัคซีนแว็กเซวิรา (Vaxzevira) ของแอสตร้าเซนเนก้าที่ผลิตในยุโรปแล้ว แต่วัคซีนโควิชีลด์ยังไม่ได้ยื่นขออนุมัติทางการค้ากับสหภาพยุโรป

อนึ่ง อังกฤษได้ฉีดวัคซีนให้กับประชาชนโดยใช้แอสตร้าเซนเนก้าเป็นหลัก และมีประชากรส่วนหนึ่งได้ฉีดวัคซีนโควิชีลด์ ซึ่งผลิตโดยสถาบันเซรุ่มของอินเดีย (SII)

สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า อังกฤษนำเข้าวัคซีนจากอินเดีย 5 ล้านโดส แต่หน่วยงานด้านสุขภาพไม่เรียกว่าเป็นวัคซีนโควิชีลด์ และจัดให้เป็นผลิตภัณฑ์เดียวกันกับวัคซีนที่ผลิตในพื้นที่ทางตอนเหนือของเวลส์และเทศมณฑลสแตฟฟอร์ดเชอร์

“แน่นอนว่าผู้ผลิตวัคซีนโควิชีลด์สามารถยื่นขออนุมัติวัคซีนตัวนี้ได้ แต่ปัจจุบันยังไม่มีการดำเนินการ”

นายเคียร์ซแมกเกอร์กล่าว

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สหภาพยุโรปได้อนุมัติให้มีการใช้ใบรับรองโควิด-19 เมื่อวันพฤหัสบดี (1 ก.ค.) ซึ่งเป็นการเปิดให้ประชาชนในสหภาพยุโรปและกลุ่มประเทศที่กำหนดสามารถเดินทางในพื้นที่ได้โดยไร้ข้อจำกัด หากพวกเขามีหลักฐานยืนยันว่าได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ครบโดสแล้ว หรือมีผลตรวจเชื้อเป็นลบ หรือเพิ่งหายป่วยจากโรคโควิด-19

ขณะเดียวกัน ประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรปมีสิทธิ์เปิดรับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ให้การอนุมัติได้เช่นกัน ซึ่งรวมถึงวัคซีนโควิชีลด์ด้วย แต่รายงานของสื่อบางรายระบุว่า มีเพียงไม่กี่ประเทศจากประเทศสมาชิกทั้งหมด 27 แห่งที่ยอมรับวัคซีนซึ่งอยู่นอกเหนือจากรายการวัคซีนที่องค์การยายุโรปอนุมัติ

ขณะที่หลายฝ่ายกังวลว่า ประชาชนจากอังกฤษอาจถูกปฏิเสธการเดินทางเข้าสู่สหภาพยุโรป นายเคียร์ซแมกเกอร์ระบุว่า EC กำลังดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหานี้

“เพื่อดำเนินการไปในทางเดียวกัน EC กำลังติดต่อหารือกับประเทศสมาชิกเพื่อพิจารณาการเปิดรับผู้ฉีดวัคซีนยี่ห้อต่างๆ และตกลงดำเนินวิธีการที่มีการเห็นพ้องกันมากที่สุด”

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 ก.ค. 64)

Tags: , , , , , , , , , , , , ,
Back to Top