ผบ.ตร.กำชับแนวปฏิบัติหลังผ่อนคลายบางโครงการก่อสร้างในกทม.-ปริมณฑล

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีที่รัฐบาลและศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ได้อนุมัติมาตรการผ่อนคลายตามประกาศข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 25) ข้อ 2 ซึ่งกำหนดให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้ว่าราชการจังหวัดปริมณฑล ได้แก่ สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม และสมุทรสาคร มีคำสั่งปิดสถานที่ก่อสร้างขนาดใหญ่ประเภทต่างๆ และสถานที่พักอาศัยชั่วคราวสำหรับแรงงานก่อสร้าง รวมทั้งห้ามการเดินทาง และเคลื่อนย้ายแรงงานเป็นการชั่วคราวอย่างน้อย 30 วันนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม มีความห่วงใยต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รัฐบาล และ ศบค.จึงได้พิจารณาอนุมัติถึงมาตรการผ่อนคลายการโครงการก่อสร้างที่มีความจำเป็น 4 ประเภท ในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) จึงได้สั่งการไปยังทุกหน่วยในสังกัดที่เกี่ยวข้อง ให้ขับเคลื่อนตามนโยบายรัฐบาล และ ศบค. ประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด พร้อมสนับสนุนกำลังเมื่อมีการร้องขอ เพื่อรองรับภารกิจตามมาตรการผ่อนคลายโครงการก่อสร้าง 4 ประเภทที่มีความจำเป็นในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล ได้แก่

1. โครงการก่อสร้างที่หยุดทำ จะเสียหายต่อโครงสร้างด้านวิศวกรรมจนยากจะแก้ไข

2. โครงสร้างชั่วคราวที่หยุดทำ จะเกิดอันตรายแก่ประชาชน เช่น นั่งร้าน และแบบรอการเทปูน โดยเฉพาะแผ่นพื้น

3. การก่อสร้างด้านความปลอดภัยด้านจราจร เช่น ไฟสัญญาณจราจร แบร์ริเออร์กั้นช่องทางจราจร

4. การก่อสร้างที่เกี่ยวกับมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 เช่น โรงพยาบาลสนาม เป็นต้น

รองโฆษก สตช. กล่าวว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แจ้งว่า นายกรัฐมนตรีฝากขอบคุณการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในห้วงที่ผ่านมา และขอให้ระวังป้องกันตนเองอย่างดีที่สุดในการปฏิบัติหน้าที่

อีกทั้ง ผบ.ตร. ยังคงกำชับให้ทุกหน่วยในสังกัดประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานความมั่นคง ฝ่ายปกครอง หน่วยสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อรองรับมาตรการผ่อนคลายโครงการก่อสร้างที่มีความจำเป็นทั้ง 4 ประเภท โดยยังคงมาตรการร่วมกับหน่วยงานในพื้นในการออกตรวจสถานประกอบการ สถานบันเทิง ร้านอาหารที่ลักลอบจำหน่ายสุรา จุดที่สุ่มเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ

รวมถึงเข้มงวดในการกวดขันจับกุมการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองตามช่องทางธรรมชาติ การนำพา หรือการให้ความช่วยเหลือบุคคลต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย พร้อมขยายผลดำเนินคดีถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ตามพื้นที่ชายแดนทั่วประเทศ พร้อมตั้งจุดตรวจ จุดสกัดกั้นเส้นทางเพื่อป้องกันการลักลอบเข้ามาสู่พื้นที่ชั้นใน หากมีการปล่อยปละละเลย จะพิจารณาความบกพร่องทางวินัยและอาญาอย่างเด็ดขาดต่อไป

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 ก.ค. 64)

Tags: , ,
Back to Top