สัมภาษณ์พิเศษ: MENA รุ่นใหญ่รถโม่ปูนกับโอกาสทองเมกะโปรเจ็กต์เมืองไทย

เกาะติดตามเคลื่อนไหวของว่าที่หุ้นน้องใหม่อย่าง บมจ.มีนาทรานสปอร์ต (MENA) หลังจากนำเสนอขายหุ้นสามัญให้กับ ประชาชนทั่วไป (IPO) จำนวน 184 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็น 25.1% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและ ชำระแล้วทั้งหมด เปิดจองซื้อหุ้นระหว่างวันที่ 29 มิ.ย.-1 ก.ค.นี้ และเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) กลุ่มบริการ/ขนส่งและโลจิสติกส์อย่างเป็นทางการในวันที่ 7 ก.ค.64

สำหรับการเสนอขายหุ้น MENA ได้กำหนดราคา IPO ไว้ที่หุ้นละ 1.20 บาท คิดเป็น P/E ประมาณ 20.69 เท่า คำนวณ กำไรสุทธิต่อหุ้นจากกำไรสุทธิตามงบการเงินของบริษัทฯในช่วง 12 เดือนย้อนหลัง หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทฯ และเมื่อ เทียบกับค่าเฉลี่ยของบริษัทที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันหรือใกล้เคียงกันกับธุรกิจของบริษัทมีค่าเฉลี่ยของ P/E อยู่ที่ 30.8 – 31.5 เท่า

ทั้งนี้ บล.เอเซีย พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินของ MENA และแกนนำผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการ จำหน่าย ร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์อีก 4 แห่ง ประกอบด้วย บล. เคจีไอ (ประเทศไทย) บล.ฟินันเซีย ไซรัส บล.ไอร่า และ บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์

นางสุวรรณา ขจรวุฒิเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MENA เปิดเผยกับ “อินโฟเควสท์” ว่า จุดเริ่มนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทร่วม 27 ปี เริ่มจากการเป็นผู้ให้บริการรถบรรทุกขนส่งเกือบ 40 คัน จนสามารถเพิ่มขึ้นมาเป็นกว่า 500 คันในปัจจุบัน ประกอบด้วยกองรถ มิกเซอร์จำนวน 466 คัน และมีรถเทรลเลอร์ (หัวลาก) 75 คัน และรถกึ่งพ่วง หรือหางลากประเภทต่างๆ 105 คัน รวมทั้งมีพนักงานจัด ส่งภายใต้การบริหารกว่า 500 คนสามารถรองรับงานโครงการขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่อง

กลุ่มลูกค้าหลักจะเป็นบริษัทปูนซีเมนต์ชั้นนำ และผู้ผลิตท้องถิ่นรายใหญ่ที่มีการให้บริการครอบคลุมพื้นที่เขตกรุงเทพฯและต่าง จังหวัด อาทิ บมจ.ปูนซีเมนต์นครหลวง (SCCC) ,บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) ,บมจ.ปูนซีเมนต์เอเซีย และ บมจ.ชลประทานซีเมนต์ เป็นต้น

“เราพูดได้เต็มปากเลยว่าเป็นผู้ประกอบการายแรกที่มีการให้บริการรถโม่คอนกรีตสำเร็จจำนวนมากที่สุดในประเทศไทย ปัจจุบันการให้บริการกลุ่มรถมิกเซอร์บริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดสัดส่วนประมาณ 9-10% ของปริมาณการใช้ปูนซีเมนต์ทั้งประเทศที่เฉลี่ย ราว 16-17 ล้านคิวต่อปี และหากสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ผ่อนคลายส่งผลเชิงบวกทำให้บริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่ม ขึ้นได้มากกว่า 9-10% ส่วนกองรถเทรลเลอร์ (หัวลาก) มีการให้บริการประมาณ 20,000 เที่ยวต่อปี”

นางสุวรรณา กล่าว

สำหรับธุรกิจของบริษัทจะเป็นลักษณะให้บริการเป็นสัญญาเช่าระยะยาวมากที่สุดคือ 7 ปี โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ หรือ บางสัญญาก็จะขึ้นอยู่กับช่วงเวลางานก่อสร้างโครงการของลูกค้าแต่ละราย และแม้ว่าในอดีตบริษัทจะเน้นการทำสัญญาระยะยาวกับลูกค้าทั้ง หมด แต่ปัจจุบันก็ปรับกลยุทธ์ขยายฐานลูกค้าเป็นวงกว้างมากขึ้น ด้วยการให้บริการสัญญาระยะสั้นหรือตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไปเป็นความพยายาม ยืดหยุ่นการให้บริการเกิดความหลากหลาย จึงทำให้วันนี้มีลูกค้าหลายรายหันมาสนใจใช้บริการของบริษัทเป็นจำนวนมาก

นางสุวรรณา กล่าวต่อว่า แม้ว่าจะมีกระแสความกังวลเรื่องความเสี่ยงถูกยกเลิกสัญญาของกลุ่มลูกค้า แต่บริษัทไม่ได้เป็นกังวล ประเด็นนี้ เนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทวางกลยุทธ์บริหารจัดการภายในได้เป็นอย่างดี รองรับการให้บริการลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพสะท้อนจาก การใช้บริการกลุ่มลูกค้ารายใหญ่หลายราย รวมถึงกระจายกลุ่มลูกค้ามีความหลากหลายไม่ได้กระจุกตัวแค่กลุ่มลูกค้ารายใดรายหนึ่งเท่านั้น

ขณะเดียวกันจากประสบการณ์งานบริหารกว่า 20 ปีก็ไม่เคยประสบกับปัญหาจนถึงขั้นถูกลูกค้ายกเลิกสัญญาเป็นการสะท้อนความ เป็นมืออาชีพการขนส่งรองรับกับปริมาณของลูกค้าได้เป็นอย่างดีตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

ส่วนด้านศักยภาพทำกำไรนั้นบริษัทมีแนวทางมุ่งเน้นควบคุมต้นทุน โดยเฉพาะต้นทุนหลักที่เป็นเรื่องความผันผวนของราคาน้ำมันที่ เป็นเชื้อเพลิงหลักและค่าซ่อมบำรุงรักษาด้วยการใช้ระบบเทคโนโลยีที่มีจัดเก็บข้อมูลของรถในทุกๆ มิติตั้งแต่อดีตมาถึงปัจจุบัน ทำให้ สามารถปิดช่องว่างความเสี่ยงเรื่องค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นที่มีผลกระทบต่อความสามารถทำกำไร ส่วนค่าใช้จ่ายที่เป็นอัตราดอกเบี้ยจากการ ขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน บริษัทได้รับความไว้วางไว้วางใจเป็นอย่างดีเนื่องจากไม่มีประวัติการผิดนัดชำระหนี้ ทำให้ได้รับต้นทุนที่เป็น อัตราดอกเบี้ยมีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสัญญาของลูกค้าและปริมาณงานของบริษัทแต่ละช่วงเวลา

ส่วนกรณีที่ราคาเชื้อเพลิงมีความผันผวนหรือช่วงเป็นช่วงที่ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น บริษัทมีความสามารถที่จะปรับขึ้นราคาค่า บริการกับลูกค้าได้ตามการผันแปรของราคาต้นทุนเชื้อเพลิง แต่ก็มีบางสัญญาที่ตรึงราคาค่าบริการกับลูกค้า โดยกรณีดังกล่าวบริษัทได้ดำเนิน การคำนวณต้นทุนเพื่อรักษาความสามารถทำกำไรไว้ล่วงหน้าแล้วจึงไม่ได้เป็นความเสี่ยงหากราคาน้ำมันผันผวนในระหว่างทางของสัญญา

ด้านแผนการระดมครั้งนี้บริษัทจะได้รับเงินราว 220.80 ล้านบาท เบื้องต้นจะนำไปใช้ลงทุนโครงการในอนาคต 160.80 ล้านบาทคาดว่ามีความชัดเจนภายในปี 65 และนำไปใช้จ่ายคืนหนี้สิน 20.00 ล้านบาท และส่วนที่เหลือก็ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการ ประกอบกิจการ

นางสุวรรณา กล่าวอีกว่า ปัจจุบันกลุ่มลูกค้าที่เป็นรายใหญ่หลายรายได้เริ่มส่งสัญญาณบวกความต้องการใช้บริการกองรถของ บริษัทเพิ่มขึ้น เนื่องจากนโยบายของรัฐบาลที่เตรียมอนุมัติโครงการลงทุนเมกะโปรเจ็กต์ เช่น โครงการรถไฟทางคู่ โครงการ EEC โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ที่มีความจำเป็นต้องใช้รถขนส่งคอนกรีตเป็นจำนวนมาก ล่าสุดบริษัทมีการเจรจากับลูกค้าหลายรายเพื่อ เข้าไปรับงานเพื่อเสริมการเติบโตผลประกอบการในอนาคต

อย่างไรก็ตาม แผนงาน 3-5 ปีข้างหน้าบริษัทมีเป้าหมายรายได้แตะ 1,000 ล้านบาทและเพิ่มขนาดกองรถที่พร้อมให้บริการ กับลูกค้าอย่างน้อย 1,000 พันคัน ปัจจุบันจำนวนรถเกือบ 60% ของบริษัทผ่อนผ่อนชำระหมดไปเรียบร้อยแล้วทำให้บริษัทมีสภาพคล่องที่ดีขึ้น เป้าหมายของการระดมทุนเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯครั้งนี้เป็นการเตรียมกระแสเงินสดไว้ขยายการลงทุนธุรกิจรูปแบบอื่นและเพิ่มการให้บริการ ขนส่งทางบกต่อยอดในกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นเพิ่มเติมด้วย เช่น บริการขนส่งสินค้าเฉพาะทาง และสินค้าอุปโภคบริโภค เป็นต้น

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 ก.ค. 64)

Tags: , , , , ,
Back to Top