ศบค.พบผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ 5,420 ราย ในปท.4,070-ตรวจเชิงรุก 1,342-ตปท.8,ตาย 57

  • ศบค.สรุปยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในไทย วันนี้ (12.30 น.)
  • ผู้ติดเชื้อสะสม 294,653 คน (+5,420)
    • เป็นผู้ป่วยรายใหม่จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ = 4,070 ราย
    • เป็นผู้ติดเชื้อจากการตรวจเชิงรุกในชุมชน = 1,305 ราย
    • เป็นผู้ติดเชื้อจากเรือนจำ/ที่ต้องขัง = 37 ราย
    • เป็นผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศอยู่ในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) = 8 ราย
  • รักษาหายแล้ว 227,023 คน (+3,586)
  • รักษาอยู่ในโรงพยาบาล 65,297 คน (+1,777)
  • เสียชีวิตสะสม 2,333 คน (+57)

ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 5,420 ราย ส่วนใหญ่มาจากการแพร่ระบาดของสายพันธุ์เดลตา ประกอบด้วย

  • ผู้ติดเชื้อในประเทศจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 4,070 ราย
  • จากการค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 1,305 ราย และจากเรือนจำ/ที่ต้องขัง 37 ราย
  • ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 8 ราย
  • มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 57 ราย แยกเป็นเพศชาย 35 ราย เพศหญิง 22 ราย อายุระหว่าง 25-91 ปี ค่ากลาง 62 ปี

สำหรับจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมในประเทศตั้งแต่ต้นปี 63 จนถึงล่าสุดอยู่ที่ 294,653 ราย โดยมีผู้ป่วยรักษาหายแล้ว 227,023 ราย เพิ่มขึ้น 3,586 ราย ยอดเสียชีวิตสะสมเพิ่มเป็น 2,333 ราย

พ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศบค. เปิดเผยว่า จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้ ยังคงเพิ่มขึ้นสูงสุดอยู่ในกรุงเทพฯ ที่ 1,492 ราย ขณะที่ปริมณฑลรวม 5 จังหวัด อยู่ที่ 1,372 ราย, 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 635 ราย และ 67 จังหวัดที่เหลือ รวม 1,876 ราย ซึ่งการระบาดของไวรัสโควิดในกรุงเทพฯ ยังเป็นจาก 2 สายพันธุ์หลัก คือ สายพันธุ์อัลฟา (อังกฤษ) และสายพันธุ์เดลตา (อินเดีย)

อย่างไรก็ดี ต้องติดตามการระบาดของไวรัสโดยเฉพาะสายพันธุ์เดลตา ที่มีจุดเริ่มต้นมาจากการพบเชื้อในแคมป์คนงานก่อสร้างย่านหลักสี่ ซึ่งขณะนี้เริ่มมีการแพร่กระจายจากกรุงเทพฯ ไปสู่ต่างจังหวัดมากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ หลังจากที่มีแรงงานในภาคก่อสร้างเดินทางกลับภูมิลำเนา อันเนื่องมาจากคำสั่งล็อกดาวน์แคมป์คนงานก่อสร้างในกรุงเทพฯ และ 5 จังหวัดปริมณฑล

ขณะที่ไวรัสโควิดสายพันธุ์เบตา (แอฟริกาใต้) พบการระบาดกระจุกตัวอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และบางส่วนใน จ.สุราษฎร์ธานี และชลบุรีเท่านั้น แต่ก็ยังมีความจำเป็นต้องติดตามและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด

โดยจากข้อมูลล่าสุดของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พบว่า ภาพรวมทั้งประเทศมีสัดส่วนการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์อัลฟามากสุดที่ 65.1% รองลงมา คือ สายพันธุ์เดลตา 32.2% และสายพันธุ์เบตา 2.6%

“ดังนั้นเราจะต้องเข้มงวดเรื่องสุขอนามัยส่วนบุคคลให้มากขึ้น เพราะไวรัสก็มีการปรับตัวเพื่อให้แพร่พันธุ์ได้เร็วขึ้น การใส่ mask หรือหน้ากาก 2 ชั้น ก็อาจจำเป็นต้องทำ แม้จะได้รับการฉีดวัคซีนแล้วก็ตาม”

นพ.ทวีศิลป์ระบุ

โฆษก ศบค. กล่าวด้วยว่า ในปัจจุบันจะพบเห็นการแพร่ระบาดของโควิดลงไปในระดับชุมชน และครอบครัวเพิ่มมากขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากแรงงานในกรุงเทพฯ ที่กลับบ้านและนำเชื้อไปแพร่สู่คนในครอบครัว และชุมชน ดังนั้นจึงขอย้ำเตือนว่าประชาชนจากพื้นที่เสี่ยงที่เดินทางกลับไปต่างจังหวัด ควรปฏิบัติตัวอย่างเคร่งครัดในการเว้นระยะห่าง หรืออาจนำแนวทาง “เถียงนาโมเดล” มาใช้ในการแยกตัวจากครอบครัว หรือชุมชนเพื่อสังเกตอาการ หลังจากที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง

สำหรับการพบรายงานคลัสเตอร์ใหม่ในกรุงเทพฯ วันนี้ เพิ่มขึ้น 2 คลัสเตอร์ คือ เขตราชเทวี ที่สถาบันประสาทวิทยา และเขตคันนายาว ที่ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ถ.นิมิตใหม่ ส่งผลให้ปัจจุบันมีคลัสเตอร์ที่ต้องเฝ้าระวังในกรุงเทพฯ รวมทั้งหมด 116 แห่ง ส่วนคลัสเตอร์ใหม่ในต่างจังหวัดที่สำคัญ คือ โรงงานเสื้อผ้า อ.แม่สอด จ.ตาก พบผู้ติดเชื้อ 61 ราย, ชุมชนหลังเมเจอร์ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พบผู้ติดเชื้อ 44 ราย

ขณะที่สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก ล่าสุดวันนี้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมรวมแล้ว 184,923,557 ราย เสียชีวิต 4,000,520 ราย โดยประเทศที่มียอดผู้ติดเชื้อสูงสุด อันดับแรก สหรัฐอเมริกา 34,598,361 ราย อันดับ 2 อินเดีย 30,618,939 ราย อันดับ 3 บราซิล 18,792,511 ราย อันดับ 4 ฝรั่งเศส 5,786,999 ราย และอันดับ 5 รัสเซีย 5,635,294 ราย โดยประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 65

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 ก.ค. 64)

Tags: , , , , ,
Back to Top