นายกฯ เล็งฟื้น “ช็อปดีมีคืน” หวังกระตุ้นใช้จ่าย พร้อมสั่งปรับปรุงมาตรการเดิม

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.เอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เสนอให้ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวันนี้ไปพิจารณาปรับปรุงมาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย ทั้งโครงการ “คนละครึ่ง” และ โครงการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” รวมทั้งการนำโครงการ “ช็อปดีมีคืน” กลับมาใช้ เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน รวมทั้งเร่งให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจตามเป้าหมายของโครงการ

นายกรัฐมนตรี ยังแจ้งกับที่ประชุม ศบศ.ว่าอยากเห็นการจัดตั้งศูนย์รับเรื่องและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับมาตรการของรัฐ เพื่อช่วยเหลือประชาชน ทั้งการลงทะเบียนออนไลน์เพื่อร่วมโครงการ ชี้แจงข้อสงสัย รับข้อร้องเรียนต่าง ๆ เกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือ ซึ่งจะเป็นการสร้างความเข้าใจในมาตรการรัฐในระดับพื้นที่ด้วย

พร้อมกับขอให้ ศบศ.นำผลการหารือกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและภาคเอกชนในการประชุม 40 ซีอีโอพลัสไปขับเคลื่อนในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 ร่วมฟื้นฟูประเทศร่วมกับภาคเอกชน ขณะเดียวกันและได้มีการพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และเร่งส่งเสริมโมเดลเศรษฐกิจใหม่ๆ เช่น การดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงเข้าประเทศไทย ผู้มีกำลังซื้อสูง ผู้เชี่ยวชาญ ผู้สูงอายุ เพื่อสนับสนุนกำลังซื้อภายในประเทศอีกทางหนึ่ง

ทั้งนี้ ในที่ประชุม ศบศ.ได้เน้นการทำงานร่วมกันในการตัดสินใจกำหนดแนวทางและมาตรการตามที่คณะอนุกรรมการชุดต่างๆ ที่ได้เสนอเข้ามาเกี่ยวข้องกับทุกกระทรวง และเป็นความรับผิดชอบร่วมกันที่จะต้องดำเนินตามมาตรการอย่างทั่วถึง ซึ่งขณะนี้รัฐบาลกำลังเร่งดำเนินการใน 2 ส่วนพร้อมกัน คือ การควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และการฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยมีความจำเป็นที่ ศบค. และ ศบศ.จะต้องมีข้อมูลเชื่อมโยงซึ่งกันและกัน เน้นการสื่อสารที่เข้าใจง่าย

รวมทั้งติดตามผลการดำเนินงานโครงการภูเก็ตโมเดลและสมุยพลัสโมเดล ซึ่งเป็นการเดินหน้าตามเป้าหมาย 120 วันของรัฐบาลในการเปิดประเทศ ภายใต้ความปลอดภัยจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งในระยะต่อไปจะมีการขยายโครงการต่อไปในพื้นที่ที่มีศักยภาพ รวมทั้งเร่งแก้ไขปัญหาการติดเชื้อไวรัสในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลซึ่งเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศในขณะนี้ด้วย

นอกจากนั้น นายกรัฐมนตรี ยังสั่งการในที่ประชุม ครม.ให้เร่งพิจารณาแผนงานของทุกกระทรวงที่อยู่ภายใต้งบประมาณที่ยังเบิกจ่ายต่ำกว่าเป้าหมาย แต่หากโครงการใดที่ติดขัดเพราะสถานการณ์โควิด-19 ก็สามารถชะลอได้ และพิจารณาการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐให้เกิดประโยชน์สูงสุด

สำหรับการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 นายกรัฐมนตรี เสนอให้มีการจัดตั้งสถานพยาบาลขนาดเล็กให้กระจายไปในทุกพื้นที่ทุกเขตเพื่อรองรับผู้ป่วยติดเชื้อรายวัน ลดการแพร่เชื้อในครอบครัวและชุมชน โดยให้กระทรวงสาธารณสุขจัดสหเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ที่จำเป็นโดยมุ่งจำกัดพื้นที่การแพร่ระบาด โดยเฉพาะในพื้นที่สีแดงเข้มเพื่อลดความสูญเสีย รักษาระบบสาธารณสุข

นายกรัฐมนตรี ยืนยันแผนการจัดหาและกระจายวัคซีนตามเป้าหมายไม่ต่ำกว่า 100 ล้านโดสในปีนี้ และขณะนี้ได้มีการอนุมัติการใช้ Antigen Test Kit เพื่อเร่งตรวจหาเชื้อ การจัดหายาฟาวิพิราเวียร์ รวมถึงสมุนไพรไทย เช่น ฟ้าทะลายโจร ให้กระจายไปทุกจังหวัดตามลำดับความรุนแรง ปรับระดับเตียงเพิ่มขีดความสามารถรองรับผู้ป่วย รวมทั้งการจัดรถรับส่งผู้ป่วยให้เข้าถึงสถานพยาบาลในระดับต่างๆ อย่างเร่งด่วนด้วย โดยให้เป็นความรับผิดชอบของทุกหน่วยงานที่ต้องออกมาช่วยเหลือประชาชน และจะต้องไม่มีภาพประชาชนที่ถูกทอดทิ้ง

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ก.ค. 64)

Tags: , , , , ,
Back to Top