CDC ชี้ชาวมะกันในเคาน์ตีเกือบ 70% ของสหรัฐควรใส่หน้ากากอนามัยป้องกันโควิด

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐเปิดเผยในวันพฤหัสบดีว่า 69.3% ของเคาน์ตีในสหรัฐมีอัตราการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่สูงพอที่จะต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยในอาคารของพื้นที่สาธารณะ และควรกลับมาใช้นโยบายดังกล่าวในทันที

อัตราการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นจากระดับ 66.6% เมื่อวันพุธ และโดยรวมแล้ว 52.2% ของเคาน์ตีในสหรัฐมีอัตราการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในชุมชนสูง (high transmission) และ 17.1% มีอัตราการแพร่ระบาดมาก (substantial transmission)

อัตราการแพร่ระบาดมากหมายความว่า มีผู้ติดเชื้อใหม่อย่างน้อย 50 รายต่อประชากร 100,000 คนใน 7 วันหลังสุด ขณะที่การแพร่ระบาดสูงนั้นหมายถึงมีผู้ติดเชื้อใหม่มากกว่า 100 รายต่อประชากร 100,000 คนใน 7 วันหลังสุด

นางมูเรียล บาวเซอร์ นายกเทศมนตรีกรุงวอชิงตันเปิดเผยว่า จะมีคำสั่งให้ต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยในอาคารของพื้นที่สาธารณะทั้งหมด โดยจะมีผลตั้งแต่เวลา 05.00 น. ของวันเสาร์นี้ตามเวลาสหรัฐ

ในเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา CDC ประกาศว่า ชาวอเมริกันที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ครบโดสแล้วไม่จำเป็นต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยในอาคารของสถานที่ส่วนใหญ่ แต่ก็ได้เปลี่ยนแปลงแนวทางดังกล่าวหลังจากเผชิญกับการแพร่ระบาดที่รวดเร็วของโรคโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ก.ค. 64)

Tags: , , , ,
Back to Top