โบรกฯต่างเชียร์ ซื้อ TIDLOR คาดหวังผลงาน H2/64 โตต่อ-ราคาหุ้นปรับฐานแล้ว

โบรกเกอร์ต่างเชียร์ “ซื้อ” บมจ.เงินติดล้อ (TIDLOR) แนวโน้มครึ่งปีหลังโตต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก จากความต้องการใช้สินเชื่อยังเพิ่มขึ้นในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวจากผลกระทบสถานการณ์โควิด-19 อีกทั้งการได้เงินจากการนำระดมทุนเสนอขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ทำให้บริษัทมีความสามารถในการปล่อยสินเชื่อและขยายสาขาให้ครอบคลุมพื้นที่ได้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพของบริษัทในระยะต่อไปได้

ขณะเดียวกัน TIDLOR ยังกระจายธุรกิจประกันเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งในอนาคต แม้ว่าปัจจุบันยังมีสัดส่วนยังไม่มาก แต่ยังมองว่าจะเข้ามาช่วยผลักดันต่อยอดการเติบโตในกับบริษัทในระยะต่อไปได้

นอกจากนี้ ราคาหุ้น TIDLOR ปรับฐานลงมาสะท้อนโอกาสของการปรับลดเพดานอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อรายย่อยลงแล้ว ซึ่งมองว่าไม่ส่งผลกระทบต่อกำไรของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ เพราะอัตราดอกเบี่ยสินเชื่อของบริษัทอยู่ในระดับต่ำกว่าเพดานพอสมควร ทำให้ราคาที่ปรับลงมาเป็นโอกาสเข้าซื้อลงทุน

หุ้น TIDLOR ปิดเช้าที่ 39 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง ขณะที่ดัชนี SET ปิดเช้าบวก 0.50%

 โบรกเกอร์คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
เคทีบีเอส ซื้อ57.00
ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย)  ซื้อ56.00
 โนมูระ พัฒนสิน  ซื้อ53.00
ธนชาตซื้อ53.00
กสิกรไทย ซื้อ51.75
 เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)ซื้อ50.00
 เอเซีย พลัส  ซื้อ44.00
ทิสโก้  ซื้อ42.00

นายเอนกพงศ์ พุทธาภิบาล ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า แนวโน้มของ TIDLOR ในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่ามีทิศทางเติบโตขึ้น จากภาพรวมของเศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้ยังมีความต้องการใช้สินเชื่ออยู่ค่อนข้างมาก อีกทั้งยังมีความสามารถในการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในการปล่อยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ และการขยายสาขาให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าต่างๆมากขึ้น หลังจากได้รับเงินจากการระดมทุน IPO เข้ามาแล้ว ทำให้คาดว่าการปล่อยสินเชื่อจะยังเห็นการเติบโตได้ต่อเนื่องจากไตรมาส 2/64 ที่คาดว่าจะเติบโต 4%

อย่างไรก็ตาม โอกาสการปรับลดเพดานอัตราดอกเบี้ยกลุ่มสินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อจำนำทะเบียนรถลงมาราว 1-2% มองว่ากระทบต่อกำไรของบริษัทเพียงเล็กน้อย เพราะอัตราดอกเบี้ยของกลุ่มสินเชื่อจำนำทะเบียนรถในพอร์ตของ TIDLOR อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าเพดานในปัจจุบันที่ 24% พอสมควร โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 18% ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก โดยหากมีการพิจารณาปรับลดจริงจะกระทบกำไรเพียง 1-2% เท่านั้น แต่ในภาพรวมยังมองกำไรปี 64 ยังเติบโตได้ดีที่ 25% และราคาหุ้นยังปรับฐานลงมาค่อนข้างมาก ทำให้มีอัพไซด์ที่น่านใจ

ด้านนายกรกช เสวตร์ครุตมัต ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย มองว่า TIDLOR ถือว่ายังเป็นหุ้นในกลุ่มลิสซิ่งที่มีความน่านสนใจในเรื่องของการเติบโตของธุรกิจที่มีความโดดเด่นมากขึ้นหลังจากเข้าตลาดหลักทรัพย์มาแล้ว จากการที่ได้รับเงิน IPO เข้ามาช่วยสนับสนุนการขยายตัวของธุรกิจทั้งการปล่อยสินเชื่อและการขยายสาขา

แนวโน้มการปล่อยสินเชื่อในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะยังเติบโตได้ต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก โดยเชื่อว่ายังเห็นการเติบโตสินเชื่อต่อเนื่องในทุกไตรมาส ในไตรมาส 3/64 สินเชื่อจะเติบโตขึ้นจากไตรมาส 2/64 ที่คาดว่าเติบโต 4-6% จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวต่อเนื่องจากผลกระทบของการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้ยังมีความต้องการใช้สินเชื่ออยู่ค่อนข้างมากในภาวะเศราฐกิจยังไม่ฟื้นขึ้น

ขณะเดียวกัน TIDLOR ยังมีธุรกิจนายหน้าขายประกันออนไลน์ที่เพิ่งเริ่มต้นมาไม่นาน สามารถสร้างรายได้เข้ามาให้กับบริษัทได้ค่อนข้างดี แม้ว่าจะยังมีสัดส่วนไม่มาก แต่จะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มองว่าจะเข้ามาช่วยผลักดันการเติบโตของ TIDLOR ในอนาคตได้

อีกทั้งราคาหุ้นของ TIDLOR ในปัจจุบันได้ปรับฐานลงมา ตามทิศทางเดียวกันหุ้นในธุรกิจเดียวกัน จากการรับข่าวเรื่องการปรับลดเพดานอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อรายย่อยบางประเภท ซึ่งจะกระทบต่อสินเชื่อจำนำทะเบียนรถไม่มาก เพราะอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันที่เรียกเก็บรนั้นอยู่ในระดับต่ำกว่าเพดานที่ 24% ต่อปี ค่อนข้างมาก ทำให้ไม่กระทบกำไรของบริษัทมาก และยังมองว่ากำไรในปีนี้จะเติบโตได้สูงถึงเกือบ 40% จากปีก่อน

ส่วนนายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า แนวโน้มการปล่อยสินเชื่อของ TIDLOR ในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะยังเติบโตได้ต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก แม้ว่าบริษัทจะไม่เร่งการปล่อยสินเชื่อมากในสถานการณ์ที่ยังมีปัจจัยจากโควิด-19 เข้ามากดดัน เพื่อควบคุมคุณภาพของสินเชื่อในพอร์ต แต่ตลาดยังมีความต้องการใช้สินเชื่ออยู่ค่อนข้างมาก ในภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัว โดยเฉพาะในกลุ่มสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ซึ่ง TIDLOR ยังเป็นผู้นำในตลาดนี้ ทำให้ทิศทางของสินเชื่อยังมีการเติบโตขึ้นได้ต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง

นอกจากนี้ บริษัทยังมีรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจนายหน้าขายประกันเข้ามาเสริมรายได้หลัก แม้ว่ายังมีสัดส่วนไม่มาก แต่จะเป็นปัจจัยที่เข้ามาช่วยต่อยอดการเติบโตของธุรกิจในอนาคต อีกทั้งราคาหุ้นในปัจจุบันของ TIDLOR ได้ปรับลดลงมาตามทิศทางราคาหุ้นของกลุ่มลีสซิ่งพอสมควร ทำให้มองว่าเป็นโอกาสในการทยอยเข้าซื้อได้ ซึ่งการปรับตัวของราคาได้สะท้อนข่วการปรับลดเพดานอัตราดอกเบี้ยเสินเชื่อรายย่อย ที่สินเชื่อจำนำทะเบียนรถจะได้รับผลกระทบไปด้วยไปแล้ว โดยที่ประเด็นดังกล่าวมองว่าไม่กระทบกำไรของบริษัทมาก เพราะอัตราดอกเบี้ยที่บริษัทให้สินเชื่อกับลูกค้าอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าเพดานค่อนข้างมาก จึงไม่กระทบต่อกำไรของบริษัท และคาดว่ากำไรปีนี้จะเติบโตได้ 30%

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 ส.ค. 64)

Tags: , ,
Back to Top