STECH มั่นใจ H2/64 ยอดพุ่ง คว้าโครงการสายส่ง 115 kV หนุน Backlog ทะลุ 900 ลบ.

นายวัฒน์ชัย มงคลศรีสวัสดิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สยามเทคนิคคอนกรีต (STECH) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังคาดฟื้นตัวและจะเติบโตกว่าครึ่งปีแรกเป็นอย่างมาก เนื่องจากปัจจุบันมีงานในมือที่รอส่งมอบ (Backlog) รวมอยู่ที่ 900 ล้านบาท แบ่งเป็น คำสั่งซื้อจากการขายผลิตภัณฑ์คอนกรีตอัดแรงและบริการ มูลค่ากว่า 800 ล้านบาท

ซึ่งเตรียมทยอยส่งมอบและคาดรับรู้รายได้ทั้งหมดในปีนี้ รวมทั้ง ได้รับงานก่อสร้างระบบสายส่งไฟฟ้าแรงสูง 115 kV จากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) มูลค่าเกือบ 100 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ซึ่งได้รับใบสั่งจ้างเรียบร้อยแล้ว เตรียมลงนามสัญญาภายในเดือนสิงหาคม โดยมีระยะเวลาการทำงาน 1 ปี สนับสนุนภาพรวมการรับรู้รายได้แข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ที่มีการแพร่ระบาดต่อเนื่อง ส่งผลให้ภาครัฐมีการประมูลงานล่าช้ากว่าแผนงานที่วางไว้ โดยงานส่วนใหญ่จะเริ่มเดินหน้าและส่งมอบในช่วงครึ่งปีหลัง

ปัจจุบัน บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างติดตามงานโครงการใหม่อีกกว่า 500 ล้านบาท สะท้อนภาพรวมงานโครงการขนาดใหญ่เริ่มเดินหน้า โดยเฉพาะเมกะโปรเจ็กต์ภาครัฐ ซึ่งบริษัทฯ ได้ปัจจัยบวกจากโรงงานที่มีอยู่ 9 แห่ง กระจายอยู่เกือบทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย และการก่อสร้างโรงงานแห่งที่ 10 ที่ชลบุรี สาขา 2 จะแล้วเสร็จปลายปีนี้ พร้อมรับคำสั่งซื้อจากโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ที่ปัจจุบันมีงานก่อสร้างขนาดใหญ่หลายโครงการ ส่งผลให้ความต้องการผลิตภัณฑ์คอนกรีตอัดแรงสูงกว่าภูมิภาคอื่น

“Backlog ที่มีอยู่ตอนนี้ถือว่าอยู่ในระดับสูง แม้ภาครัฐมีมาตรการคุมเข้มสถานการณ์โควิดโดยเฉพาะในกรุงเทพฯ และปริมณฑล แต่เรายังมีงานส่วนใหญ่ที่เดินหน้าตามปกติในภูมิภาคอื่น และเริ่มเห็นสัญญาณบวกในไตรมาส 3 คาดจะเติบโตกว่าไตรมาส 2 ที่ผ่านมาได้ เนื่องจากโรงงานของบริษัทฯ ยังคงสามารถเดินหน้าผลิตสินค้า พร้อมทยอยส่งมอบในช่วงครึ่งปีหลัง รวมทั้ง มาตรการความปลอดภัยขั้นสูงสุดในโรงงาน ควบคู่การติดตามสถานการณ์โควิดและปัจจัยภายนอกอย่างใกล้ชิด สนับสนุน STECH ในปี 2564 คาดจะเติบโตจากปีก่อนได้อย่างแน่นอน” 

นายวัฒน์ชัย กล่าว

ล่าสุด STECH รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 2/64 รายได้รวม 366.31 ล้านบาท ลดลง 17.04% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 20.86 ล้านบาท ส่วนงวด 6 เดือนแรกของปี 24 มีรายได้รวม 760.09 ล้านบาท ลดลง 10.59% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้จากการขายและบริการลดลงเพียง 4% แต่โครงการก่อสร้างยังไม่ได้เริ่มใน 6 เดือนแรก จะเริ่มตั้งแต่ไตรมาส 3 นี้ ขณะที่กำไรสุทธิ 53.76 ล้านบาท และมีอัตรากำไรสุทธิเกือบ 7%

ภาพรวมไตรมาส 2 ปีนี้ ปรับลดลง เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดยาวต่อเนื่องกว่า 10 วันในเดือนเมษายน เทียบกับปีที่แล้วภาครัฐประกาศเลื่อนวันหยุดในช่วงสงกรานต์ปี 2563 ออกไป รวมถึง ผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ส่งผลให้มีการเลื่อนและชะลอการลงทุนของโครงการภาคเอกชน และผลกระทบต่อการเข้าพื้นที่ทำงานในโครงการต่างๆ ขณะที่ ภาครัฐมีการประมูลงานที่ล่าช้ากว่าแผน และ ยังไม่มีรายได้จากการก่อสร้างเข้ามา อย่างไรก็ดี ยอดขายที่ชะลอไปนั้น ปัจจุบันบริษัทฯ มียอดขายที่ได้รับการสั่งซื้อแล้วซึ่งคาดจะรับรู้เป็นรายได้ในช่วงครึ่งปีหลัง

นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัทยังไม่มีรายได้จากธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง เมื่อเทียบกับครึ่งแรกปี 2563 ซึ่งมีรายได้จากส่วนงานนี้ 56.25 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทได้รับงานโครงการสายส่งไฟฟ้าแรงสูง 115 kV มูลค่า 97 ล้าน(ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) และจะเซ็นสัญญาในเดือนสิงหาคม พร้อมมุ่งเน้นควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ประกอบกับต้นทุนทางการเงินที่ลดลงจากการชำระคืนเงินกู้และอัตราดอกเบี้ย

อีกทั้ง บริษัทได้รับเงินที่ได้จากการระดมทุน IPO ในเดือน ก.ค.64 ซึ่งบริษัทได้นำเงินกว่า 220 ล้านบาท ไปจ่ายชำระคืนเงินกู้ และส่วนที่เหลือนำไปลงทุนขยายกำลังการผลิต เพื่อรองรับโครงการรัฐบาลทางภาคตะวันออก รวมทั้ง ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนตามที่กล่าวไว้ในช่วง IPO ซึ่ง ผลบวกจากการระดมทุน IPO นี้ จะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังของปี 64

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ส.ค. 64)

Tags: , , ,
Back to Top