HENG ตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อปีนี้โต 8% คาดปี 65-66 โตเฉลี่ย 25% แตะ 1.3 หมื่นลบ.

นายวิชัย ศุภสาธิตกุล ผู้ร่วมก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เฮงลิสซิ่ง แอนด์ แคปปิตอล (HENG) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อปีนี้เติบโต 8% และในปี 65-66 ตั้งเป้าเติบโตเฉลี่ย 25% เพื่อผลักดันพอร์ตสินเชื่อรวมเพิ่มเป็น 13,000 ล้านบาทภายในปี 66 จากสิ้นปี 63 อยู่ที่ 7,700 ล้านบาท โดยบริษัทมีแผนขยายสาขาเป็น 830 สาขา โดยหวังให้ครอบคุลมในแต่ละภูมิภาคของประเทศมากขึ้น

HENG ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) และร่างหนังสือชี้ชวน ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 800,837,300 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 1.00 บาท/หุ้น คิดเป็นไม่เกิน 21.0% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) โดยมี บล.กสิกรไทยเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

บริษัทเป็นผู้ดำเนินธุรกิจสินเชื่อรายใหญ่ในภาคเหนือภายใต้แบรนด์ ‘เฮงลิสซิ่ง’ ที่เกิดขึ้นจากการร่วมลงทุนระหว่างกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจสินเชื่อรายใหญ่ในภาคเหนือ 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มทวีเฮง กลุ่มพัฒนสิน กลุ่มมิตรเอื้ออารีย์ และกลุ่มสินปราณี ซึ่งมีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญกว่า 20 ปี นอกจากนี้ บริษัทยังมีเครือข่ายพันธมิตรผู้ประกอบการเต็นท์รถมือสองและนายหน้ากว่า 5,100 ราย ปัจจุบันมีสาขากระจายอยู่ใน 51 จังหวัดทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ

นางสุธารทิพย์ พิสิฐบัณฑูรย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร HENG กล่าวว่า บริษัทมีทั้งสินเชื่อที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน โดยสินเชื่อที่มีหลักประกัน ประกอบด้วย 1.สินเชื่อเช่าซื้อ (Hire Purchase) สำหรับลูกค้ารายย่อยที่ต้องการซื้อรถมือสอง 2. สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน สำหรับลูกค้ารายย่อยทั่วไปที่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถ โดยใช้ใบคู่มือจดทะเบียนรถเป็นหลักประกัน และ3. สินเชื่อที่มีบ้านและที่ดินเป็นหลักประกัน

ส่วนสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน ประกอบด้วย 1. สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับที่มิใช่สินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน และ2.สินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพภายใต้การกำกับ (สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์)

นอกจากนี้ บริษัทฯ ประกอบธุรกิจการให้บริการนายหน้าประกันวินาศภัยและนายหน้าประกันชีวิตผ่านเครือข่ายสาขาให้แก่บริษัทประกันชั้นนำจำนวน 6 บริษัท ครอบคลุม ประกันภัยรถยนต์ ประกันภัยรถจักรยานยนต์ ประกันอุบัติเหตุ ประกันชีวิต เป็นต้น

“เราจะนำเงินลงทุนขยายสาขามาจากเงินระดมทุน และคาดว่าความต้องการสินเชื่อจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นในแต่ละเซกเม้นที่บริษัทดำเนินการ โดยแผนการจากนี้ คือ ยกระดับการให้บริการสินเชื่อในทุกมิติ เช่น การบริหารจัดการควบคุมความเสี่ยงและบริหารคุณภาพลูกหนี้, การพัฒนาผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่เหมาะสมกับแต่ละท้องถิ่น และเราจะเพิ่มช่องทางให้บริการแก่ลูกค้าผ่านการเปิดสาขาให้ครบ 830 สาขา ภายในปี 66 และพัฒนา Software และ Mobile Application ต่างๆ จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากการให้บริการได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น”

นางสุธารทิพย์ กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ส.ค. 64)

Tags: , , , ,
Back to Top