STEC คาดรายได้ปี 64 ทำได้ 3 หมื่นลบ.ต่ำเป้าฉุดกำไรลดลง,ซิวงานใหม่ 4 หมื่นลบ.

นายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STEC) เปิดเผยกับ”อินโฟเควสท์” ว่า บริษัทคาดว่ารายได้ในปี 64 จะทำได้ 3 หมื่นล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 3.7 หมื่นล้านบาท และต่ำกว่ารายได้ในปี 63 ที่ทำได้ 3.6 หมื่นล้านบาท เนื่องจากการปิดแคมป์คนงานส่งผลทำให้งานก่อสร้างล่าช้า

อย่างไรก็ดี แนวโน้มรายได้ในครึ่งหลังปี 64 คาดว่าจะมากกว่าครึ่งปีแรกที่มีรายได้ 1.4 หมื่นล้านบาทที่รับผลกระทบจากการปิดแคมป์คนงานในช่วงเดือน มิ.ย. และยังมีผลต่อเนื่องมาถึงเดือน ก.ค. แต่ปัจจุบันไซด์งานของบริษัทได้รับอนุมัติกให้กลับมาทำงานเกือบทุกแห่งภายใต้มาตรการ Bubble & Seal และมีการสุ่มตรวจหาเชื้อโควิดด้วย ATK ซึ่งพบมีติดเชื้อไม่ถึง 10% ของคนงานทั้งหมดราว 8-9 พันคน แต่ยังต้องรักษามาตรการระยะห่าง รวมทั้งห้ามย้ายแรงงานข้ามพื้นที่ แต่สภาพการทำงานก็ยังดีกว่าการปิดแคมป์คนงานไปก่อนหน้า

ขณะที่กำไรสุทธิปีนี้คาดจะต่ำกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,093 ล้านบาท เป็นการลดลงตามรายได้ที่หดตัว อีกทั้งในปีนี้คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit) อยู่ที่ระดับ 4-5% จากเป้าหมายที่ 5-6% โดยในไตรมาส 2/64 ปรับตัวลงมาที่ 3%กว่า จาก 5% ในไตรมาส 1/64 เพราะรับรู้งานรัฐสภา ซึ่งเป็นงานที่ไม่มีกำไร

“ในช่วงครึ่งปีหลังนี้งานที่เราหนักใจอย่างงานรัฐสภาก็จบแล้ว เบ็ดเสร็จค่าปรับเป็นศูนย์ เพราะเขาขยายเวลาให้ backlog เก่าที่ไม่มีมาร์จิ้นเกือบหมดแล้ว ก็จะเริ่มงานที่มีมาร์จิ้นดี”นายภาคภูมิ กล่าว

นายภาคภูมิ กล่าวว่า สำหรับงานใหม่ในปีนี้บริษัทมั่นใจว่าจะได้ตามเป้าหมายที่ 4 หมื่นล้านบาท เป็นงานรอเซ็นสัญญา 2.7 หมื่นล้านบาท โดยเป็นงานที่ประมูลแล้วเป็นผู้ชนะ รอประกาศและลงนามสัญญา ได้แก่ โครงการรถไฟทางคู่ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ที่ STEC ร่วมกับ บมจ.ช.การช่าง (CK) เข้าประมูลและเป็นผู้เสนอราคาต่ำสุด 2 สัญญา และ โครงการระบบบำบัดน้ำเสียของ กทม.ที่เป็นผู้เสนอราคาต่ำสุด ทั้งนี้ ต้องรอการประกาศและลงนามสัญญาต่อไป

นอกจากนี้ บริษัทกำลังจะเซ็นสัญญางานส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงสถานีศรีรัช-เมืองทองธานี ที่ได้รับงานจากบริษัท นอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด (NBM) มูลค่างาน 2.5 พันล้านบาท และโครงการลงทุนดำเนินงานและบำรุงรักษา (Operation and Maintenance: O&M) มอเตอร์เวย์ เส้นบางใหญ่-กาญจนบุรี (M81) และ เส้นบางปะอิน-นครราชสีมา ที่มีงานก่อสร้างสัญญาละ 4-5 พันล้านบาท ขณะที่รอกรมทางหลวงเซ็นสัญญากับกลุ่มกลุ่ม BGSR (ประกอบด้วย BTS , GULF , STEC , RATCH )

ดังนั้น ในสิ้นปี 64 คาดว่างานในมือ (Backlog) จะเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 1 แสนล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่กว่า 8 หมื่นล้านบาท เป็นงานภาคเอกชน 50-60% โดยเป็นงานที่รับต่อผู้ได้สัมปทาน ได้แก่ งานโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินตะวันออก ของ UTA โดย STEC ได้รับงานเฟสแรก 3 หมื่นล้านบาท งานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลือง ส่วนอีก 40-50% เป็นงานภาครัฐ

ส่วนงานใหม่ที่กำลังรอการประมูล ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) หรือรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ที่บริษัทได้ซื้อซองประมูลแล้ว รอยื่นประมูลในเดือน ต.ค.นี้ รวมทั้งรอประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ที่กำลังออกทีโออาร์ โดยจับมือกับ BTS ในกลุ่ม BSR (BTS, STEC,RATCH) เข้ายื่นการประมูลด้วย

นอกจากนี้ คาดว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)เตรียมเปิดประมูลรถไฟทางคู่เส้นถัดไป อาทิ ช่วงขอนแก่น-หนองคาย , ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี และส่วนต่อขยายรถไฟสายสีแดง 4 เส้นทาง

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ส.ค. 64)

Tags: , , ,
Back to Top