เหตุบอมบ์สนามบินคาบูลสะเทือนถึงวอลล์สตรีท ฉุดดาวโจนส์วูบกว่า 100 จุด

ดัชนีดาวโจนส์พลิกร่วงลงกว่า 100 จุด หลังมีรายงานชาวอเมริกันเสียชีวิตจากเหตุระเบิดครั้งใหญ่ที่สนามบินกรุงคาบูล

นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่นักลงทุนกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เร็วกว่าที่คาดไว้

ณ เวลา 22.00 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 35,297.93 จุด ลบ 107.57 จุด หรือ 0.3%

กระทรวงกลาโหมสหรัฐออกแถลงการณ์ยืนยันว่า เกิดเหตุระเบิด 2 ครั้งด้านนอกท่าอากาศยานฮามิด คาร์ไซในกรุงคาบูล เมืองหลวงของอัฟกานิสถานในวันนี้

เหตุระเบิดดังกล่าวเกิดขึ้นที่ Abbey Gate ซึ่งส่งผลให้ชาวอเมริกันและพลเรือนจำนวนหนึ่งเสียชีวิต รวมทั้งเกิดเหตุระเบิดที่ Baron Hotel ซึ่งอยู่ไม่ห่างจาก Abbey Gate

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 13 ศพ ซึ่งรวมถึงเด็กหลายคน จากเหตุระเบิดที่สนามบินกรุงคาบูลในวันนี้

นอกจากนี้ มีรายงานว่า นาวิกโยธินสหรัฐ 3 รายได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว

สื่อรายงานว่า เหตุระเบิดดังกล่าวเป็นฝีมือของมือระเบิดฆ่าตัวตายที่ได้จุดชนวนระเบิดด้านนอกท่าอากาศยานฮามิด คาร์ไซ

ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้รับแจ้งเกี่ยวกับเหตุระเบิดที่สนามบินกรุงคาบูลแล้ว

เหตุระเบิดดังกล่าวเกิดขึ้น หลังจากที่อังกฤษและสหรัฐออกคำเตือนก่อนหน้านี้แก่พลเมืองที่ยังคงตกค้างในอัฟกานิสถานให้อยู่ห่างจากสนามบินกรุงคาบูล เนื่องจากมีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะถูกกลุ่มผู้ก่อการร้ายโจมตี

ทางด้านนางเอสเธอร์ จอร์จ ประธานเฟด สาขาแคนซัส ซิตี้ กล่าวว่า เฟดควรเริ่มปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) โดยเร็ว ซึ่งจะดีกว่าที่จะปล่อยให้ล่าช้าออกไป เนื่องจากมีการคาดการณ์กันว่าเศรษฐกิจสหรัฐและตลาดแรงงานจะยังคงมีการขยายตัวต่อไป

“มุมมองพื้นฐานบ่งชี้ว่าเราจะยังคงเห็นการเติบโตของการจ้างงาน และการขยายตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่ตัวเลขเงินเฟ้อที่แข็งแกร่งบ่งชี้ถึงโอกาสที่เฟดจะเริ่มต้นลดวงเงินในการซื้อพันธบัตร” นางจอร์จกล่าวให้สัมภาษณ์ต่อสำนักข่าว Fox

นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ในการประชุมประจำปีของเฟดในวันพรุ่งนี้ โดยคาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งแนวโน้มการปรับลดวงเงิน QE ในการประชุมดังกล่าว

การประชุมปีนี้จะเป็นการเสวนาผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์เป็นปีที่ 2 เพื่อลดความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ทั้งนี้ นายพาวเวลจะกล่าวสุนทรพจน์ในประเด็น “แนวโน้มเศรษฐกิจ” โดยเขามีกำหนดกล่าวถ้อยแถลงในวันพรุ่งนี้ เวลา 10.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 21.00 น.ตามเวลาไทย

นักลงทุนคาดหวังว่า นายพาวเวลจะเปิดเผยโร้ดแมพที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับลดวงเงิน QE หลังจากที่เฟดได้ส่งสัญญาณในรายงานการประชุมประจำเดือนก.ค.ว่า กรรมการส่วนใหญ่สนับสนุนให้เฟดเริ่มปรับลดวงเงิน QE ในปีนี้ จากปัจจุบันที่เฟดซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE อย่างน้อย 1.2 แสนล้านดอลลาร์/เดือน

อย่างไรก็ดี หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า นักวิเคราะห์หลายรายคาดการณ์ว่า นายพาวเวลจะยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการว่า เฟดพร้อมที่จะเริ่มปรับลดวงเงิน QE ในการประชุมประจำปีของเฟดในครั้งนี้

“เราคาดว่านายพาวเวลรับรู้เป็นอย่างดีทั้งในเรื่องการจ้างงานที่แข็งแกร่งในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และความเสี่ยงช่วงขาลงที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ซึ่งสิ่งนี้ทำให้เรายังคงคาดการณ์ว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะส่งสัญญาณเตือนในเดือนก.ย. และจากนั้นในเดือนพ.ย.จึงจะประกาศการปรับลดวงเงิน QE” นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์กล่าว

ทางด้านนายทิม ดอย หัวหน้านักวิเคราะห์จากเอสจีเอช แมคโคร แอดไวเซอร์ส คาดการณ์เช่นกันว่า เฟดอาจจะประกาศปรับลดวงเงิน QE ในเดือนพ.ย. โดยกล่าวว่า “ข้อมูลที่ได้รับเมื่อไม่นานมานี้แสดงให้เห็นว่า โพลสำรวจส่วนใหญ่บ่งชี้ว่าเดือนพ.ย.จะเป็นเดือนที่เฟดประกาศลดวงเงิน QE เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตาอาจจะทำให้เฟดยังไม่ตัดสินใจประกาศเรื่องดังกล่าวในเดือนก.ย.”

รายงานการประชุมประจำเดือนก.ค.ของเฟดระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่เห็นพ้องที่จะเริ่มปรับลดวงเงิน QE ในปีนี้ แต่ในรายงานไม่ได้ระบุกำหนดเวลาที่ชัดเจน

นอกจากนี้ ผู้สันทัดกรณีให้ความเห็นว่า เนื่องจากขณะนี้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กำลังอยู่ในระหว่างการตัดสินใจว่าจะต่ออายุการดำรงตำแหน่งประธานเฟดของนายพาวเวลออกไปอีก 1 ปีหรือไม่ จึงทำให้คาดว่านายพาวเวลจะไม่นำตำแหน่งของเขามาเสี่ยงกับเรื่องนี้ เนื่องจากหากเขาประกาศปรับลดวงเงิน QE อย่างไม่ระมัดระวัง ก็อาจทำให้ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทเกิดความตื่นตระหนก และทรุดตัวลงอย่างหนักได้ ดังที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในปี 2556 ในสมัยของนายเบน เบอร์นันเก้ ซึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อตัวนายพาวเวลเอง

ที่ผ่านมา การประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮล ถือเป็นการประชุมที่ได้รับความสนใจอย่างมาก โดยมีผู้ว่าการธนาคารกลาง รัฐมนตรีคลัง นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน จากประเทศต่างๆทั่วโลก เข้าร่วมการประชุม ขณะที่ไฮไลท์จะอยู่ที่การกล่าวปาฐกถาของประธานเฟดในขณะนั้นเพื่อแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับนโยบายการเงินของเฟด และแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ

นายพาวเวลได้กล่าวสุนทรพจน์ครั้งสำคัญในการประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮลเมื่อปีที่แล้ว โดยได้ประกาศการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินครั้งใหญ่ในการกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อ ซึ่งเฟดจะเปิดทางให้เงินเฟ้อดีดตัวขึ้นมากกว่าเดิมเพื่อสนับสนุนตลาดแรงงาน และเศรษฐกิจสหรัฐ

ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2/2564 โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัว 6.6% ในไตรมาส 2 สูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ที่ระดับ 6.5% หลังจากที่ขยายตัว 6.3% ในไตรมาส 1

อย่างไรก็ดี ตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.7%

ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 353,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว จากระดับ 349,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้

นอกจากนี้ ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าวสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 350,000 ราย

ส่วนจำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องลดลง 3,000 ราย สู่ระดับ 2.86 ล้านราย

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ส.ค. 64)

Tags: , , ,
Back to Top