AMATA ปรับลดยอดขายที่ดินในประเทศปีนี้เหลือ 650 ไร่ จากเดิมคาด 950 ไร่ หลังโควิดกระทบ

นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชัน (AMATA) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ปรับลดเป้าหมายยอดขายที่ดินในประเทศปีนี้ลงเหลือ 650 ไร่ จากเดิมที่คาดว่าจะทำได้ 950 ไร่ โดยปรับลดในส่วนของนิคมอุตสากรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี ลงเหลือ 100 ไร่ และนิคมอุตสาหกรรมอมตะไทย-จีน เหลือ 100 ไร่ เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศยังมีความรุนแรง ส่วนนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง ยังคงไว้ที่ 450 ไร่

ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมียอดขายที่ดินแล้วราว 443 ไร่ แบ่งเป็น ที่ดินที่ขายได้แล้วในครึ่งปีแรก 343 ไร่ และลูกค้าส่งเอกสารยืนยันมาแล้วกว่า 100 ไร่ และบริษัทฯ มียอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่ 2,051 ล้านบาท คาดว่าจะโอนในปีนี้ได้ราว 50-60% รวมถึงอยู่ระหว่างการเจรจาลูกค้าใหม่เพิ่มเติมอีกราว 20-30 ราย ในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมพลังงาน เป็นต้น

ปัจจุบันบริษัทฯ มีที่ดินในมือรวมทั้งหมด 12,473 ไร่ ได้แก่ ที่ดินพร้อมขาย (Land availablefor sales) ประกอบด้วย ที่ดินจ.ชลบุรี จำนวน 614 ไร่, ที่ดินจ.ระยอง 1,332 ไร่ รวมกว่า 1,946 ไร่ และยังมีที่ดินเปล่ารอการพัฒนา (Raw Land – Pending for development) ซึ่งเป็นที่ดินในพื้นที่ชลบุรี 8,409 ไร่ และที่ดินในระยอง 873ไร่ รวมเป็น 9,282 ไร่ และที่ดินที่สำหรับ Commercial Area เป็นที่ดินในชลบุรี 868 ไร่ และเป็นที่ดินในระยอง 377 ไร่ รวมเป็น 1,245 ไร่

ส่วนยอดขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม ประเทศเวียดนาม ปีนี้คาดว่าขั้นต่ำจะทำได้ราว 500-600 ไร่ และสูงสุดจะทำได้ 700 ไร่ โดย 6 เดือนแรกทำยอดขายที่ดิน (Pre-Land Sales) แล้ว 212 ไร่ ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณาดูอีกครั้งว่าจะสามารถโอนได้ทันปีนี้ หรือปี 65 เนื่องจากติดปัญหาทางราชการ

อย่างไรก็ตามยอมรับว่าเวียดนามสามารถควบคุมสถานการณ์ของโควิด-19 ได้ดี ทำให้สถานการณ์น่าจะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นได้เร็วๆ นี้ ประกอบกับเงินต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนในเวียดนามนั้น (Foreign Direct Investment :FDI) มีมากกว่าไทยหลายเท่า

“แนวโน้มผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังนี้ บริษัทฯ คาดว่าหากไม่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบ 4 น่าจะไปได้สวย ซึ่งบริษัทฯ ก็อยู่ระหว่างติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด แต่หากมีการระบาดเกิดขึ้นอีกรอบ ทิศทางก็จะตรงกันข้ามกันเลย ฉะนั้นดัชนีชี้วัดก็จะเป็นเรื่องของโควอด-19”

นายวิบูลย์ กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 ส.ค. 64)

Tags: , , ,
Back to Top