ครม.รับทราบผลเบิกจ่ายงบฯ ปี 64 กำชับทุกหน่วยเร่งรัดให้แล้วเสร็จภายในก.ย.นี้

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบผลประชุมของคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ ครั้งที่ 2/2564 เมื่อวันที่ 23 ส.ค.64 โดยภาพรวมการเบิกจ่ายเงินปีงบประมาณ 2564 ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณจนถึงวันที่ 31 ก.ค.64 มีการเบิกจ่ายรวมทั้งสิ้น 3,452,273 ล้านบาท จากวงเงิน 4,476,189 ล้านบาท หรือคิดเป็น 77.13%

แยกเป็น งบประมาณรายจ่ายปี 2564 วงเงิน 3,285,963 ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว 2,488,890 ล้านบาท คิดเป็น 75.74% เป็นรายจ่ายประจำเบิกจ่ายแล้ว 2,168,515 ล้านบาท คิดเป็น 82.19% รายจ่ายลงทุนเบิกจ่ายแล้ว 320,375 ล้านบาท คิดเป็น 49.49% เงินกันไว้เหลื่อมปีเบิกจ่ายแล้ว 166,031 ล้านบาท คิดเป็น 77.60%

สำหรับเงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายแล้ว 262,410 ล้านบาท คิดเป็น 78.33% และโครงการภายใต้ พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพี่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2563 กรอบวงเงิน 1 ล้านล้านบาท โดยมีแผนการใช้จ่ายที่วงเงิน 641,259 ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว 534,942 ล้านบาท คิดเป็น 83.42%

ทั้งนี้ในปีงบประมาณ 2564 มีโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ มูลค่าโครงการตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไปรวม 103 โครงการ มูลค่าโครงการทั้งหมด 2,544,708 ล้านบาท มีแผนการใช้จ่าย 190,245 ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว 96,675 ล้านบาท คิดเป็น 50.82%

สำหรับกระทรวงที่มีผลการเบิกจ่ายสูงสุด 10 อันดับ ได้แก่ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เบิกจ่ายได้ 81.48%, กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม, กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, กระทรวงคมนาคม, สำนักนายกรัฐมนตรี, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, กระทรวงสาธารณสุข, กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงพลังงาน

ส่วนกระทรวงที่มีผลการเบิกจ่ายต่ำสุด 10 อันดับ ได้แก่ กระทรวงการต่างประเทศ เบิกจ่ายได้ 33.48%, กระทรวงยุติธรรม, กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา,กระทรวงศึกษาธิการ, กระทรวงมหาดไทย, กระทรวงกลาโหม, กระทรวงอุตสาหกรรม, กระทรวงการคลัง, กระทรวงแรงงาน และกระทรวงวัฒนธรรม

ด้านรัฐวิสาหกิจที่คาดว่าจะมีปัญหาการเบิกจ่ายงบลงทุนปี 2564 ได้แก่ การรถไฟแห่งประเทศไทย, บมจ. ท่าอากาศยานไทย (AOT), การประปานครหลวง, การทางพิเศษแห่งประเทศไทย, องค์การเภสัชกรรม, บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และ การท่าเรือแห่งประเทศไทย

ขณะที่ปัญหาอุปสรรคการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐที่สำคัญ ได้แก่ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ทำให้ขาดแคลนแรงงานในการก่อสร้าง ประกอบกับหลายพื้นที่มีการประกาศห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานข้ามจังหวัดทำให้ผู้รับเหมาก่อสร้างไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ในงวดงานต่างๆ ตามที่ระบุในสัญญา รวมทั้งไม่สามารถตรวจรับงานในพื้นที่ที่มีการระบาดของโควิด-19 ทำให้การเบิกจ่ายล่าช้า

สำหรับมาตรการแก้ไขการเบิกจ่ายล่าช้า ทางกรมบัญชีกลางได้มีหนังสือเร่งรัดการดำเนินการ และแจ้งเวียนมาตรการและแนวทางปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง เช่น ให้หน่วยงานเจ้าของงบประมาณกำชับเจ้าหน้าที่บริหารจัดการเพื่อเร่งรัดการก่อหนี้และเบิกจ่ายให้แล้วเสร็จภายในเดือน ก.ย.64 เพื่อไม่ให้เงินงบประมาณถูกพับไป เป็นต้น

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ก.ย. 64)

Tags: , , ,
Back to Top