หุ้นไทยปิดบวก 6.23 จุด ดีดขึ้นท้ายตลาด ขานรับจีน-สหรัฐหารือ, จับตาการเมืองในปท.

SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,635.35 จุด เพิ่มขึ้น 6.23 จุด (+0.38%) มูลค่าการซื้อขาย 92,056.38 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯ เผยตลาดหุ้นไทยวันนี้ไม่มีปัจจัยสนับสนุนและปัจจัยกดดันชัดเจน โดยมีการเล่นเวียนกลุ่ม Laggard มีแรงเก็งกำไรกลุ่มส่งออก กลุ่มเดินเรือ ในช่วงท้ายตลาดดีดตัวขึ้นแรงตามตลาดหุ้นภูมิภาคหลังมีกระแสข่าวประธานาธิบดีสหรัฐ ยกหูคุยกับประธานาธิบดีจีน ซึ่งตีความเชิงบวกว่าจะหารือเรื่อง Trade War ทั้งนี้ คาดว่าตลาดขึ้นช่วงท้ายตลาดจะเป็นแรงส่งให้ตลาดในสัปดาห์หน้าปรับขึ้นได้ต่อ ให้แนวรับ 1,610, 1,630 จุด ทั้งนี้ มองภาพตลาดหุ้นไทยในเดือนก.ย.แกว่งในกรอบ 1,610 – 1,660 จุด ระหว่างรอการประชุม FOMC วันที่ 21-22 ก.ย. และจับตาปัจจัยการเมืองในประเทศหลัง 2 รมว.ถูกถอดถอนจากครม.

  • ตลาดหลักทรัพย์ ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,635.35 จุด เพิ่มขึ้น 6.23 จุด (+0.38%) มูลค่าการซื้อขาย 92,056.38 ล้านบาท
  • การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวผันผวนทั้งแดนบวกและแดนลบ โดยดัชนีทำระดับสูงสุด 1,639.65 จุด และระดับต่ำสุด 1,620.58 จุด
  • ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 736 หลักทรัพย์ ลดลง 986 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 503 หลักทรัพย์

นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ไม่มีปัจจัยสนับสนุนและปัจจัยกดดัน เป็นการหมุนเวียนการเข้ามาเล่นหุ้น laggard เช่น กลุ่มเดินเรือ กลุ่มส่งออก หลังจากที่ก่อนหน้าเล่นกลุ่ม Reopening โดยในตลาดหุ้นไทยช่วงท้ายตลาดดีดตัวขึ้นแรงตามตลาดหุ้นภูมิภาค หลังจากมีกระแสข่าวนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐยกหุคุยกับนายสีจิ้นผิ้ง ประธานาธิบดีของจีน ซึ่งตีความเชิงบวกว่าจะมีการพูดคุยกันถึงเรื่อง Trade War แต่กสิกรไทยเชื่อว่าอาจเป็นเรื่องอื่นมากกว่า

แนะให้ติดตามตลาดหุ้นในเดือน ก.ย.คาดจะแกว่งในกรอบ 1,610 – 1,660 จุด โดยจากที่ตลาดเด้งขึ้นในช่วงท้ายตลาดคาดว่าตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้าจะปรับตัวขึ้นต่อ ก็เป็นโอกาสขายทำกำไรออกมา โดยให้กรอบแนวรับสัปดาห์หน้า 1,610, 1,630 จุด

นอกจากนี้ ตลาดยังให้ความสำคัญกับปัจจัยการเมืองหลังจากที่ถอดถอน 2 รัฐมนตรี ว่าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรีหรือไม่ หรือมีการจัดตั้งพรรคใหม่ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศ ก็ติดตามการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) โดยในส่วนธนาคารกลางยุโรป (ECB) และ ธนาคารกลางอังกฤษ ปรับลดสภาพคล่อง และมีแนวโน้มปรับขึ้นดอกเบี้ยในปี 2565-2566 ซึ่งตลาดหุ้นไม่น่าจะตอบรับ

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 4,132.22 ล้านบาท ปิดที่ 190.00 บาท ลดลง 1.00 บาท

GULF มูลค่าการซื้อขาย 4,123.81 ล้านบาท ปิดที่ 41.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท

INTUCH มูลค่าการซื้อขาย 3,779.94 ล้านบาท ปิดที่ 82.50 บาท ลดลง 2.25 บาท

CPALL มูลค่าการซื้อขาย 2,589.32 ล้านบาท ปิดที่ 61.75 บาท ลดลง 0.25 บาท

AOT มูลค่าการซื้อขาย 2,550.11 ล้านบาท ปิดที่ 60.75 บาท ลดลง 1.00 บาท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 ก.ย. 64)

Tags: , ,
Back to Top