TRUBB ขายหุ้นเพิ่มทุนครบเตรียมนำเงิน 660 ลบ.ขยายธุรกิจถุงมือยาง

นายภัทรพล วงศาสุทธิกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์กรุ๊ป (TRUBB) เปิดเผยว่า ผู้ถือหุ้นเดิมได้จองซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทเข้ามาเต็มจำนวน สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อแผนการดำเนินธุรกิจ และศักยภาพการเติบโตในอนาคต

อนึ่ง ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นอนุมัติเพิ่มทุนจดทะเบียน 340,739,842 บาท จาก 681,479,688 บาท เป็น 1,022,219,530 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ไม่เกิน 340,739,842 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1.00 บาท แบ่งเป็น (ก) เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Right Offering) จำนวน 136,295,937 หุ้น ราคาเสนอขาย 2.20 บาท/หุ้น คิดเป็นมูลค่า 299,851,061.40 บาท ในอัตราส่วนการจัดสรร 5 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุน

(ข) รองรับการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ ครั้งที่ 2 (TRUBB-W2) ที่จัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมที่จองซื้อและชำระค่าหุ้นเพิ่มทุน 136,295,937 หน่วย โดยไม่คิดมูลค่า อัตราส่วนการจัดสรร 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุน ต่อ 1 หน่วย TRUBB-W2 อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 3 ปี มีอัตราการใช้สิทธิ 1 หน่วย TRUBB-W2 มีสิทธิซื้อหุ้นสามัญ 1 หุ้น ราคาใช้สิทธิ 6 บาทต่อหุ้น

และ (ค) เพิ่มทุนจดทะเบียนแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) เพื่อเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) จำนวนไม่เกิน 68,147,968 หุ้น คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 10 ของทุนชำระแล้วของบริษัทฯ

โดยบริษัทเตรียมนำเงินที่ได้จากการขาย RO ในครั้งนี้ประมาณ 660 ล้านบาท ไปใช้ในการขยายธุรกิจเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้และกำไรในอนาคต สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นต่อไป

นายภัทรพล กล่าวว่า บริษัทมีแผนจะปรับปรุงโครงสร้างทางการเงิน เพิ่มสภาพคล่อง และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ขยายธุรกิจน้ำยางข้นและน้ำยางแปรรูป อันเป็นธุรกิจปัจจุบันของบริษัทฯ ให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันเพิ่มมากขึ้น และขยายธุรกิจเข้าสู่การผลิตและจำหน่ายถุงมือยาง ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีความต้องการและเติบโตสูงขึ้นมากจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ครบถ้วน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และลดความเสี่ยงในการพึ่งพิงรายได้จากผลิตภัณฑ์ยางน้ำข้นและผลพลอยได้จากน้ำยาง ผลักดันแนวโน้มผลการดำเนินงานเติบโตอย่างก้าวกระโดด

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ก.ย. 64)

Tags: , , ,
Back to Top