เงินบาทเปิด 33.95 อ่อนค่าจากวานนี้ตามทิศทางตลาดโลก ลุ้นวันนี้มีโอกาสแตะ 34.05

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 33.95 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากเย็น วานนี้ที่ระดับ 33.85 บาท/ดอลลาร์ หลังดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่า เนื่องจากนักลงทุนปิดรับความเสี่ยงจากความกังวลเรื่องธนาคารกลาง สหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น และปัญหาด้านการคลังของสหรัฐที่อาจเกิดกรณี governmemt shutdown รวมถึงวิกฤต พลังงานในหลายประเทศที่อาจส่งผลให้เกิดภาวะเงินเฟ้อรุนแรงทั่วโลก

“บาทเปิดตลาดอ่อนค่าไปมาก โดยเคลื่อนไหวตามทิศทางตลาดโลกจากหลายปัจจัยที่ส่งผลทำให้ดอลลาร์แข็งค่า”

นักบริหาร เงิน กล่าว

สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐ, ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายใน ประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2564 (ประมาณการครั้งสุดท้าย) ส่วนปัจจัยในประเทศมีเรื่องของเงินทุนต่างประเทศ โดยทิศทางบาทวันนี้มี โอกาสอ่อนค่าแตะ 34.00 บาท/ดอลลาร์ได้

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 33.90 – 34.05 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT FIX 3M (29 ก.ย.) อยู่ที่ระดับ 0.27478% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 0.31191%

ปัจจัยสำคัญ

– เงินเยนอยู่ที่ระดับ 111.89 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 111.26 เยน/ดอลลาร์

– เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1602 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1671 ดอลลาร์/ยูโร

– อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 33.855 บาท/ดอลลาร์

– นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของโรคติดเชื้อไวรัสโคโร นา 2019 (ศบศ.)

– ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์ เศรษฐกิจ (ศบศ.) วันที่ 30 ก.ย.64 คาดว่า จะมีการหารือเรื่องมาตรการพยุงการจ้างงานของเอสเอ็มอี โดยรัฐจะช่วยนายจ้างจ่ายค่า จ้างแรงงาน 50:50 หรือโค-เพย์เมนต์ตามที่เอกชนได้เสนอไป ซึ่งจะช่วยลดภาระให้กับผู้ประกอบการ และช่วยรักษาการจ้างงาน ทำให้ ไม่ต้องปลดคนงาน รวมถึงอาจมีการพิจารณามาตรการที่ภาคเอกชนเสนอให้กระทรวงแรงงานนำแรงงานต่างด้าว ที่หมดอายุการทำงานใน ไทย 300,000-400,000 ราย ให้กลับมาขึ้นทะเบียนใหม่ได้เพื่อที่จะได้มีแรงงานเข้าสู่ระบบ และรับการฉีดวัคซีน รวมทั้งช่วยแก้ปัญหาการ ขาดแคลนแรงงานในภาคธุรกิจบริการและอุตสาหกรรมได้

– รมว.คลัง เปิดเผยว่า รัฐบาลยังสามารถบริหารจัดการหนี้ได้ และมีแผนบริหารจัดการหนี้ที่เหมาะสม โดยแม้จะขยาย เพดานหนี้สาธารณะจาก 60% เป็น 70% และทำให้หนี้สาธารณะต่อจีดีพีปี 65 ขยับขึ้นไปที่ 62% แต่ตัวเลขหนี้ส่วนอื่นยังต่ำกว่าเกณฑ์ที่ กำหนด ได้แก่ หนี้ต่อรายได้ในงบประมาณประจำปี ยังอยู่ที่ 31% ต่ำกว่าที่กฎหมายวินัยการเงินการคลังกำหนดไว้ 35%

– ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี ชี้ภาคท่องเที่ยวไทยปีนี้โดนโควิดซัด 8 เดือน รายได้หายวับ 92% รวม 20 เดือนกว่า 3.55 ล้านล้าน รัฐเลื่อนเปิดประเทศ กระทบนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยเร็วสุด ธ.ค. แค่ 1 แสนคน

– “คลัง” เปิดวิธีใช้สิทธิโครงการคนละครึ่งเฟส 3 และโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ผ่านฟู้ดเดลิเวอรี ตั้งแต่วันที่ 4 ต.ค.เป็นต้น ไป พร้อมอวดยอดใช้จ่ายคนละครึ่งพุ่ง 6.74 หมื่นล้านบาท

– ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ได้พิจารณาที่จะขยายกรอบดูแลราคาแอลพีจีเป็น 20,000 ล้านบาท จากปัจจุบัน 18,000 ล้านบาท และเตรียมพร้อมมาตรการกรณีราคาน้ำมันดีเซลที่อาจจะสูงขึ้นจนเป็นความเสี่ยงของเศรษฐกิจของ ประเทศไทย

– ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป บริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่อันดับ 2 ของจีน ได้ผิดนัดชำระหนี้เป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 2 สัปดาห์ โดยได้ผิดนัดชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้วงเงิน 47.5 ล้านดอลลาร์ที่มีกำหนดชำระในวันนี้ ซึ่งเป็นดอกเบี้ยของหุ้นกู้สกุลดอลลาร์ที่จะครบกำหนดไถ่ ถอนในเดือนมี.ค.2567

– ซีอีโอของบริษัทเทสลา อิงค์ มักแสดงความคิดเห็นทางทวิตเตอร์ในเชิงสนับสนุนเหรียญสกุลเงินดิจิทัล โดยเขามองว่า สกุล เงินคริปโตจะมีบทบาทมากขึ้นในการลดความผิดพลาดและความล่าช้าของระบบการเงินแบบดั้งเดิม อย่างไรก็ตาม เขายอมรับว่าสกุลเงินคริ ปโตไม่สามารถแก้ปัญหาในสังคมปัจจุบันได้ทั้งหมด

– สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) รายงานว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) พุ่งขึ้น 8.1% สู่ระดับ 119.5 ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. และ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.4%

– ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (29 ก.ย.) โดย ได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้

– สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือนเมื่อคืนนี้ (29 ก.ย.) โดยสัญญาทองคำร่วงลงติดต่อ กันวันที่ 2 และล่าสุดดิ่งหลุดจากระดับ 1,730 ดอลลาร์ เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังคงเป็นปัจจัยกดดันตลาด

– นักลงทุนจับตาสภาคองเกรสในการผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวและการเพิ่มเพดานหนี้สหรัฐ โดยวุฒิสภาทำการลง มติร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว เพื่อสนับสนุนหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐให้มีงบประมาณใช้จ่ายจนถึงวันที่ 3 ธ.ค. แต่ร่างกฎหมาย ฉบับนี้ไม่รวมถึงการเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐ โดยประเด็นการเพิ่มเพดานหนี้จะมีการหารือเพื่อบรรลุข้อตกลงกันหลังจากนี้

– ข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่น ๆ ที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวล รวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2564 (ประมาณการครั้งสุดท้าย), รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนส.ค., ดัชนีราคาการ ใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนส.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนก.ย.จากมาร์กิต, ดัชนี ภาคการผลิตเดือนก.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ก.ย. 64)

Tags: ,
Back to Top