แนวโน้มดัชนีหุ้นไทยเช้านี้แกว่งซึมลงคล้ายตลาด ตปท.รับแรงกดดันหลักหลายปัจจัย

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่ง Sideway Down ในลักษณะซึมลง คล้ายตลาดต่างประเทศ โดยตลาดภูมิภาคเช้านี้ต่างติดลบตามตลาดสหรัฐฯที่ปรับตัวลง หลังยังไม่สามารถตกลงเรื่องเพดานหนี้กันได้ แต่ล่าสุดเช้านี้ได้มีการลงนามผ่านงบประมาณชั่วคราวออกมาแล้ว ทำให้ปัญหาเรื่องปิดหน่วยงานภาครัฐของสหรัฐฯหมดไป และได้รับแรงกดดันจากตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 3 สัปดาห์ติดต่อกัน-เงินเฟ้อสหรัฐฯที่ปรับขึ้น-ราคาน้ำมันยังขึ้นอยู่ พร้อมให้แนวรับ 1,600-1,592 แนวต้าน 1,613-1,620 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดแกว่ง Sideway Down ลักษณะซึมตัวลงคล้ายกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างเคลื่อนไหวในแดนลบ ตามตลาดสหรัฐฯที่ปรับตัวลง หลังยังไม่สามารถตกกันได้เรื่องเพดานหนี้ของสหรัฐฯ จึงยังต้องติดตามดูต่อไป แต่ล่าสุดเช้านี้ได้มีการลงนามผ่านงบประมาณชั่วคราวออกมาแล้ว ทำให้ปัญหาความกังวลการปิดหน่วยงานภาครัฐฯของสหรัฐฯหมดไป

อย่างไรก็ตาม ตลาดฯยังได้รับแรงกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯชะลอตัว คือ ตัวเลขผู้ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 3 สัปดาห์ติดต่อกัน ขณะที่อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯปรับขึ้น ทำให้มองโอกาสการปรับนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)เข้มงวดขึ้น และราคาน้ำมันก็ปรับตัวขึ้น

วันนี้ให้ติดตามดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนส.ค. และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือน ก.ย.ของทั่วโลกที่ทยอยออกมาต่อไป

พร้อมให้แนวรับ 1,600-1,592 จุด ส่วนแนวต้าน 1,613-1,620 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (30 ก.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,843.92 จุด ลดลง 546.80 จุด (-1.59%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,307.54 จุด ลดลง 51.92 จุด (-1.19%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,448.58 จุด ลดลง -63.86 จุด (-0.44)

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 217.55 จุด ส่วนตลาดหุ้นจีนและตลาดหุ้นฮ่องกงปิดทำการวันนี้ (1 ต.ค.) เนื่องในวันชาติ

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (30 ก.ย.)1,605.68 จุด ลดลง 11.30 จุด (-0.70%)

– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,261.22 ล้านบาท เมื่อวันที่ 30 ก.ย.64

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (30 ก.ย.) ปิด 75.03 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 20 เซนต์ หรือ 0.3%

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (30 ก.ย.) อยู่ที่ 6.68 ดอลลาร์/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 33.70 แข็งค่าจากวานนี้หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯฉุดดอลลาร์อ่อนค่า

– ผู้ว่าฯแบงก์ชาติเตือนเร่งสร้างภูมิคุ้มกันรับมือความท้าทายโลกอนาคต แนะปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ-ลดความเหลื่อมล้ำ เผยนโยบายการเงินต้องบูรณาการมากขึ้นหลังกระสุน ดอกเบี้ยนโยบายลดต่ำเป็นประวัติการณ์ นักเศรษฐศาสตร์เตือนภาวะเงินเฟ้อต่ำกรอบเป้าหมาย เพิ่มความเสี่ยงระยะยาว

– รมว.คลัง เผยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของกระทรวงการคลังที่ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง คือ โครงการคนละครึ่งและยิ่งใช้ยิ่งได้ โดยในวันที่ 1 ต.ค.นี้ กระทรวงการคลังจะโอนเงินเพิ่มให้ผู้ได้รับสิทธิคนละครึ่งอีก 1,500 บาท สามารถใช้สิทธิ์ได้ถึงวันที่ 31 ธ.ค.2564 ส่วนการจะออกมาตรการเพิ่มเติมกระตุ้นกำลังซื้อในช่วงปลายปี 64 ต่อเนื่องต้นปี 65 อยู่ระหว่างพิจารณารายละเอียด สำหรับข้อเรียกร้องให้ออกมาตรการช้อปดีมีคืนเพื่อนำไปหักลดหย่อนภาษีได้เพิ่มเติมวงเงิน คนละครึ่ง ยิ่งใช้ยิ่งได้ รวมถึงขยายระยะเวลาใช้สิทธิ อยู่ระหว่างพิจารณารายละเอียดให้ครบถ้วนก่อน คาดว่าจะมีมาตรการในเร็วๆ นี้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจปลายปีนี้

– โฆษกกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์ราคาพลังงานในตลาดโลกยังคงปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากเศรษฐกิจทั่วโลกที่เริ่มฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 รวมถึงการเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวของซีกโลกตะวันตก รวมทั้งยังมีผลกระทบต่อเนื่องจากพายุในสหรัฐฯ ทำให้การผลิตน้ำมันต้องหยุดชะงัก และกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน (กลุ่มโอเปก) ได้มีการควบคุมการผลิตน้ำมันดิบ ส่งผลให้ทั่วโลกเผชิญกับปัญหาราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น

– ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า เงินบาทวันที่ 30 ก.ย.64 อ่อนค่าทำสถิติใหม่เคลื่อนไหวที่ 33.97 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งใกล้แตะ 34.00 บาทต่อดอลลาร์ โดยเงินบาทอ่อนค่าสุดรอบกว่า 4 ปีครั้งใหม่นับตั้งแต่เดือน ก.ค.60 เทียบระดับปิดตลาดวันก่อนหน้าที่ 33.86 บาทต่อดอลลาร์ โดยเงินบาทเจอแรงขายตลาดพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ ทำให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเพราะสัญญาณธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจขึ้นดอกเบี้ย

– “บิ๊กตู่” ลงตรวจสถานการณ์แม่น้ำพระยา ยันภาพรวมอยู่ในเกณฑ์รับมือได้หากฝนไม่ตกหนักซ้ำเติม ภายใน 10-15 วันน้ำลด “ชาวนนท์” อุ่นใจนายกฯมั่นใจไม่ท่วมสูงเท่าปี 54 รับห่วงพื้นที่ภาคกลางนอกคันกั้นน้ำ สั่งกรมชลฯ เร่งระบาย กำชับ “รองนายกฯ-รมต.” ลงดูแล ปชช.ใกล้ชิด “ปภ.” แจ้ง 8 จว.-กทม.ระวังระดับน้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำป่าสักเพิ่มสูงขึ้น “อัศวิน” เตือนชุมชนริมน้ำเตรียมขนย้ายของขึ้นที่สูง 1-5 ต.ค.นี้

หุ้นเด่นวันนี้

– TOP (กรุงศรี)”ซื้อ”เป้า 61 บาท ประเทศทยอยเปิดเมือง ต้นทุนนำเข้าน้ำมันจากตะวันออกกลาง (Crude ค่าการกลั่นทยอยฟื้นตัวหลังจากหลายpremium) ยังมีโอกาสลดลงอีกในเดือน พ.ย. หลังมีข่าวซาอุฯ เตรียมปรับลดราคา OSP ให้กับผู้ประกอบการในเอเชีย เป็นบวกกับ TOP มากสุด เพราะเป็นโรงกลั่นที่นำเข้าน้ำมันจากตะวันออกกลางมากสุดของกลุ่ม

– NER (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ”เป้า 9 บาท คาดกำไร Q3/64 +6% Q-Q และโต 3 เท่าตัว Y-Y จากปริมาณขายที่ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ Gross Margin ยังทำได้ดีใกล้เคียง Q2/64 โดยรวม Operation ยังดีมาก แต่จะมี FX Loss มาถ่วงจากบาทที่อ่อนเร็ว แนวโน้มกำไร Q4/64 คาดดีต่อเนื่องจากปัจจัยฤดูกาลก่อนเข้าช่วงปิดหน้ายางในไตรมาส 1 ของทุกปี โดยคาดกำไรปี 2564 +80% Y-Y ปัจจุบันราคาหุ้นเทรด PE เพียง 7.6 เท่าช่วยจำกัด Downside พร้อมให้แนวรับ 7.60-7.70 บาท แนวต้าน 7.95-8//8.40 บาท

– TU (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 22.50 บาท ค่าเงินบาทใน H2/64 อ่อนค่ากว่า H1/64 อย่างมีนัยสำคัญเป็นบวกกับผู้มีรายได้จากต่างประเทศเป็นหลัก ปลายปี 21 ลุ้นนำ บ.ลูก TFM (ผลิตอาหารสัตว์น้ำ) เข้าตลาด ส่วนปี 65 เตรียมนำธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง (I-Tail) เข้าตลาด ส่วน ดีล TU-SFLEX ผลิตบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อน (Flexible Packaging) นอกจากจะเกิดธุรกิจใหม่ คาดผลิตภัณฑ์จะถูกนำมาใช้เป็นบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าของ TU เอง คาดช่วยลดต้นทุนการผลิตลง พร้อมประเมินกำไรปี 64-65 ที่ 7.11 พันลบ. และ 7.5 พันลบ. +14%YoY, +5%YoY ตามลำดับ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ต.ค. 64)

Tags: , , ,
Back to Top