“เยลเลน” มั่นใจสภาคองเกรสไฟเขียวเพิ่มเพดานหนี้ ช่วยสหรัฐเลี่ยงผิดนัดชำระหนี้

นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐกล่าวให้สัมภาษณ์ในรายการ “This Week” ของสถานีโทรทัศน์เอบีซีว่า การเพิ่มเพดานหนี้เป็นความรับผิดชอบของสภาคองเกรส และเธอมั่นใจว่าท้ายที่สุดแล้วสภาคองเกรสอนุมัติการเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลกลางสหรัฐ ซึ่งจะช่วยให้สหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ครั้งประวัติศาสตร์

เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา วุฒิสภาสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 50 ต่อ 48 ผ่านร่างกฎหมายเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐเป็นการชั่วคราว โดยเพิ่มเพดานหนี้อีก 4.80 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 28.9 ล้านล้านดอลลาร์จนถึงวันที่ 3 ธ.ค. จากปัจจุบันที่ระดับ 28.4 ล้านล้านดอลลาร์

นางเยลเลนกล่าวว่าขณะนี้ร่างกฎหมายเพิ่มเพดานหนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ซึ่งเธอเชื่อว่า ท้ายที่สุดแล้วสภาผู้แทนราษฎรจะให้การอนุมัติร่างกฎหมายดังกล่าว และส่งให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดนลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายก่อนกำหนดเส้นตายวันที่ 18 ต.ค.นี้ นอกจากนี้ เธอเชื่อว่าสภาคองเกรสจะให้การอนุมัติการเพิ่มเพดานหนี้อีกครั้งหลังวันที่ 3 ธ.ค.นี้

“เมื่อสภาคองเกรสและคณะบริหารของปธน.ไบเดนได้ตัดสินใจร่วมกันเกี่ยวกับแผนการใช้จ่ายและภาษี ดิฉันก็เชื่อว่าพวกเขาจะแสดงความรับผิดชอบกับผลที่ตามมา นั่นคือการเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาล และแน่นอนว่าเราควรมีการอภิปรายเกี่ยวกับนโยบายการคลังของรัฐบาลด้วย” นางเยลเลนกล่าว

นางเยลเลนกล่าวว่า หากสภาคองเกรสไม่เพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลกลางสหรัฐ อาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย และหากสหรัฐผิดนัดชำระหนี้ก็จะส่งผลให้บางประเทศลดการถือครองพันธบัตรของรัฐบาลสหรัฐและทำให้ความต้องการถือครองสกุลเงินดอลลาร์ลดลงด้วย ซึ่งอาจเปิดทางให้สกุลเงินหยวนของจีนเข้ามามีบทบาทแทนสกุลเงินดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินที่ได้รับความนิยมในตลาดโลก

“ดิฉันมั่นใจว่านางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ และนายชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภา จะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้หากเกิดความขัดแย้งในสภาคองเกรส เพื่อที่สหรัฐจะไม่เผชิญกับสถานการณ์ที่เลวร้ายเหล่านี้” นางเยลเลนกล่าวในรายงาน This Week

ทั้งนี้ เพดานหนี้คือจำนวนเงินทั้งหมดที่รัฐบาลสหรัฐได้รับอนุญาตให้ทำการกู้ยืมเพื่อให้รัฐบาลสามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสวัสดิการด้านประกันสังคมและด้านสุขภาพ, ดอกเบี้ยตราสารหนี้ของรัฐบาล และการใช้จ่ายอื่น ๆ

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ต.ค. 64)

Tags: , , , ,
Back to Top