GBS คาด SET สัปดาห์นี้แกว่งกรอบ 1,610-1,660 จุด แนะหุ้นธีมเปิดเมือง-โรงกลั่น

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก (GBS) ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ แกว่งตัว Sideway ออกข้าง โดยยังขาดปัจจัยใหม่เข้าหนุนตลาด นักลงทุนยังติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัดอย่างใกล้ชิด ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,610-1,660 จุด

อีกทั้งทางโกลด์แมน แซคส์ ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของสหรัฐในปี 564 ลงสู่ระดับ 5.6% จาก 5.7% และปรับลด GDP ในปี 65 ลงสู่ระดับ 4% จาก 4.4% เนื่องจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐมีแนวโน้มฟื้นตัวช้ากว่าคาด และคาดว่ามาตรการสนับสนุนด้านการคลังของสหรัฐจะชะลอตัวลงจนถึงสิ้นปี 65 และการที่สหรัฐได้มีการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือน ก.ย. โดยเพิ่มขึ้นเพียง 194,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่าคาดที่ 500,000 ตำแหน่ง แต่นักลงทุนยังคงคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มปรับลด QE ภายในปีนี้

ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศโดยยังคงมีคลัสเตอร์ใหม่เพิ่มขึ้นในต่างจังหวัด ขณะที่นายอนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ชี้ไทยเสี่ยงเผชิญ Stagflation ชั่วคราว โดยคาดว่าไตรมาส 1/65 ราคาน้ำมันไปแตะที่ระดับ 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

ประกอบกับสถานการณ์น้ำท่วมในประเทศซึ่งมีพื้นที่เฝ้าระวังน้ำมาก เสี่ยงดินถล่ม น้ำล้นในช่วง 11-16 ต.ค.ขณะที่กรมอุตุนิยมวิทยามีคำเตือนพายุดีเปรสชั่นไลออนร็อกที่อ่อนกำลังลงจะทำให้ภาคอีสานมีฝนตกหนักถึงหนักมาก และล่าสุดการแถลงการณ์ของนายกรัฐมนตรีเรื่องการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศในเดือนพ.ย. โดยไม่มีการกักตัว รวมทั้งการผ่อนคลายสถานบันเทิงเปิดให้บริการตั้งแต่ 1 ธ.ค.

นอกจากนี้ ยังคงต้องจับตาปัจจัยต่างๆ อาทิ 14 ต.ค.นี้ การประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ชุดใหญ่ประเมินสถานการณ์โควิด-19 ลุ้นคลายล็อกระดับจังหวัด สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตฯ, ธปท.เผยแพร่รายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และเผยแพร่รายงานนโยบายการเงิน ส.อ.ท. แถลงยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และชิ้นส่วนยานยนต์ กระทรวงพาณิชย์ แถลงตัวเลขการส่งออก-นำเข้า และการรายงานตัวเลขผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน นำโดยกลุ่มธนาคารงวดไตรมาส 3/64

ขณะที่สถานการณ์ต่างประเทศก็ยังคงน่าเป็นห่วง เช่น สหภาพยุโรป (อียู) รายงานความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเดือนต.ค. สหรัฐรายงานตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนส.ค. จีนรายงานยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือนก.ย. ยอดขายรถเดือน ก.ย. อียูรายงานการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน ส.ค. สหรัฐรายงานอัตราเงินเฟ้อเดือน ก.ย. คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) เปิดเผยรายงานการประชุมเมื่อวันที่ 21-22 ก.ย. ประมาณเช้าวันที่ 14 ต.ค. จีนรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ดัชนีราคาผู้ผลิต เดือนก.ย. และสหรัฐรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย. สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์

ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของค่าการกลั่น ส่งผลเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน เช่น TOP, SPRC, ESSO และ PTTGC ซึ่งจะส่งผลให้ตัวเลขผลการดำเนินงานเติบโตไปด้วย ส่วนหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการเตรียมเปิดประเทศในเดือนหน้า ได้แก่ MINT, ERW, CENTEL, AWC, SHR, ASAP, AOT, AAV และ BA

ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก ประเมินกรอบทองคำว่า ราคาทองคำโลกในสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่เปลี่ยนแปลง ราคาทองคำล่าสุดอยู่ที่ 1,756 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ โดยได้รับแรงหนุนจากเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงหลังนักลงทุนหันกลับมาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะในตลาดหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์ อย่างไรก็ตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 1.526% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือนเป็นปัจจัยกดดันต่อราคาทองคำเนื่องจากตลาดกลับมากังวลเกี่ยวกับการปรับลด QE ของเฟดและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดถึง 1 ปี

ดังนั้นฝ่ายวิจัยประเมินกรอบทองคำในสัปดาห์นี้ที่ 1,740-1,790 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ โดยแนะนำให้หาจังหวะ Short เมื่อทองคำปรับตัวขึ้นใกล้แนวต้าน เนื่องจากเฟดเตรียมปรับลดวงเงิน QE ลงภายในปลายปีนี้ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันต่อราคาทองคำในระยะกลาง โดยในปี 66 ที่มีการปรับลดวงเงิน QE ราคาทองคำจะปรับตัวลงและแตะจุดต่ำสุด ณ เดือนที่เฟดมีการปรับลดวงเงิน QE

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 ต.ค. 64)

Tags: , , , , , , , ,
Back to Top