หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าฟื้นผลงานบจ.ดี-ผู้ติดเชื้อโควิดลด-เปิดปท.หนุนความเชื่อมั่น

นักวิเคราะห์ฯเผยตลาดหุ้นไทยเช้านี้ฟื้นตัวต่อ จากงบฯบริษัททั้งในประเทศ-ต่างประเทศต่างออกมาดี รวมถีงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดในประเทศดีขึ้น จากจำนวนผู้ติดเชื้อลดลง-ใกล้เปิดประเทศ สร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน-หนุนแรงซื้อต่างชาติ อีกทั้ง Sentiment สินทรัพย์เสี่ยงลงทุนได้ในระยะสั้น ให้แนวรับ 1,630-1,632 ถัดไป 1,625 ส่วนแนวต้าน 1,640-1,650 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงเช้าวันนี้คาดว่าจะฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง จากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนทั้งในต่างประเทศและในประเทศต่างก็ออกมาดี รวมถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศดีขึ้น จากจำนวนผู้ติดเชื้อลดระดับลง และจะมีการเปิดประเทศด้วย ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนมีมากขึ้นช่วยกระตุ้นแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติ

นอกจากนี้ Sentiment สินทรัพย์เสี่ยงลงทุนได้ในระยะสั้น

พร้อมให้แนวรับ 1,630-1,632 ถัดไป 1,625 จุด ส่วนแนวต้าน 1,640-1,650 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (20 ต.ค.)ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,609.34 จุด เพิ่มขึ้น 152.03 จุด (+0.43%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,536.19 จุด เพิ่มขึ้น 16.56 จุด (+0.37%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,121.68 จุด ลดลง 7.41 จุด (-0.05%)

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 102.81 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 5.83 จุด และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 3.05 จุด

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (20 ต.ค.) 1,637.55 จุด เพิ่มขึ้น 7.16 จุด (+0.44%)

– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 4,833.12 ล้านบาท เมื่อวันที่ 20 ต.ค.64

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (20 ต.ค.) ปิด 83.87 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 91 เซนต์ หรือ 1.1%

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (20 ต.ค.) อยู่ที่ 8.01 ดอลลาร์/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 33.38 ยังไร้ปัจจัยใหม่ คาดกรอบวันนี้ 33.25 – 33.45

– กบง.ปรับสูตรคงกลุ่มดีเซล 3 ชนิด “บี7 บี10 บี20” ย้ำตรึงดีเซลไม่เกิน 30 บาท เผยกองทุนน้ำมันเหลือ 9 พันล้าน เล็งกู้เพิ่ม 2 หมื่นล้าน พยุงราคาถึงต้นปีหน้า ชี้หากราคาพุ่งไม่หยุดอาจลดภาษี “กสิกรไทย” เผยต่างชาติแห่เก็งกำไรเงินบาทหวังธปท.สกัด หวั่นกดดันบาทอ่อน “ไอเอ็มเอฟ” ลดจีดีพีเอเชียปี 64 เหลือ 6.5% หลังเดลตาทำเชื้อพุ่ง เผยไทยขยายตัวเพียง 1%

– กทม.แจง 4 ประเด็น ชง ครม.พิจารณาร่างสัญญาร่วมลงทุนรถไฟฟ้าสายสีเขียว ยันทำตามกฎหมายค่าโดยสาร 65 บาทตลอดสาย หากเทียบระยะทางถูกกว่าสายสีน้ำเงิน “คมนาคม” ท้วงเพิ่มปมขยายสัมปทานเร็วเกิน จ้างเอกชนติดตั้งระบบเดินรถอาจขัดกฎหมาย “บีทีเอส” ยืนยันไม่ได้กดดัน

– รมว.คมนาคม เปิดเผยหลังตรวจเยี่ยมสนามบินดอนเมือง-สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อเตรียมความพร้อมการเปิดประเทศไทยวันที่ 1 พ.ย.นี้ ว่า ทั้ง 2 สนามบิน มีความพร้อม 100% ซึ่งบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.ที่ดูแลเรื่องนี้จะทำรายละเอียดต่างๆ เสนอมายังกระทรวงเพื่อเสนอต่อไปยังศูนย์บริหารสถานการณ์ฉุกเฉินป้องกันการแพร่ระบาดโควิด เพื่อออกประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยให้เป็นข้อปฏิบัติต่อไป อาทิ ผู้โดยสารต้องผ่านการฉีดวัดซีน ครบ 2 โดส และเมื่อเปิดบริการสนามบินดอนเมือง คาดว่าจะมีผู้โดยสาร 10,000 คนต่อวัน สนามบินสุวรรณภูมิคาดว่าจะมีผู้โดยสาร 60,000 คนต่อวัน

– นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยความเคลื่อนไหวของราคาสินค้าและค่าบริการช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ว่า ข้อมูลราคาสินค้าและบริการใน 7 หมวด จำเป็นต่อการครองชีพ รวม 430 รายการที่ใช้จัดทำดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (เงินเฟ้อ) อาทิ หมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์, หมวดเครื่องนุ่งห่มและรองเท้า, หมวดเคหสถาน พบว่า เดือน ก.ย.ที่ผ่านมาเมื่อเทียบเดือน ก.ย.2563 มีสินค้าและบริการที่ราคาเพิ่มขึ้น 204 รายการ ราคาลดลง 157 รายการ และไม่เปลี่ยนแปลง 69 รายการ

– นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ได้ประเมินแนวโน้มค่าเงินบาทสิ้นปี 64 จะอยู่ที่ 32.75 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยคาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะดูแลเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 32.40-34.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเวลาที่เหลือของปี และจะดูแลไม่ให้ค่าเงินผันผวนมากเกินไป ซึ่งหากเงินบาทอ่อนค่าถึง 34.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ จะเป็นการอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 4 ปี นับตั้งแต่เดือน ก.ค. ปี 60 หลังจากช่วงที่ผ่านมาเงินบาทอ่อนค่ามากเกินไป ซึ่งคาดว่ามาจาก ธปท.ได้เข้าแทรกแซงเงินบาทเพื่อหวังส่งเสริมการส่งออกไทยหรือไม่ แต่อาจกระทบสร้างความผันผวนให้ผู้ส่งออกและนำเข้าได้

– รายงานข่าวจากสถาบันการเงิน เผยในวันที่ 21 ต.ค.นี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เตรียมเปิดมาตรการทางการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งยังไม่ได้ระบุในรายละเอียดเพิ่มเติมว่าเป็นมาตรการใด แต่คาดว่าจะเป็นมาตรการผ่อนปรนแอลทีวีเพิ่มเติมกระตุ้นกำลังซื้อมากขึ้น และอาจมีมาตรการอื่นๆ เพิ่มด้วย หลังจากกระทรวงการคลังได้มีมาตรการทางการคลังในการเติมเงินให้ประชาชนเพิ่มเติม 4 โครงการทั้งบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ, กลุ่มต้องการความช่วยเหลือพิเศษ, คนละครึ่ง และยิ่งใช้ยิ่งได้ เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายหวังกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้

หุ้นเด่นวันนี้

– TOP (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้า 61 บาท ได้ Sentiment บวกราคาน้ำมันดิบกลับมาฟื้นตัว ขณะที่ค่าการกลั่น ณ โรงกลั่นสิงคโปร์เพิ่มขึ้นทะลุ 8$/bbl เทียบกับ 1H21 เฉลี่ยที่ 1-2 $/bbl ด้านผลการดำเนินงานคาดกำไรสุทธิ 3Q21 ประมาณ 2.8 พันล้านบาทเพิ่มขึ้น 34%qoq และ 298%yoy

– WHA (ยูโอบี เคย์เฮียน) “เก็งกำไร” เป้า 4.10 บาท คาดการขายสินทรัพย์เข้ากองรีทส์ในไตรมาส 4/64 หนุนการจ่ายปันผลก่อนงบฟื้นปี 65

– FORTH (เคทีบีเอสที) “ซื้อ”เป้า 20 บาท มีมุมมองเป็นบวกต่อประมาณการกำไรสุทธิปี 64 หากสามารถรับรู้รายได้จากโครงการใหญ่ติดตั้งรถบรรทุกประเภทรถเครนมูลค่าประมาณ 800 ล้านบาทได้ทันในปีนี้ จากเดิมที่คาดว่าโครงการจะ delay และรับรู้รายได้ในปีหน้า ซึ่งหากอิง net margin ในกรอบ 5%-10% จะทำให้มีโอกาสเกิด upside จากเดิมที่ประเมินกำไรสุทธิในปีนี้ที่ 737 ล้านบาท อยู่ราว 5%-11%

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ต.ค. 64)

Tags: , ,
Back to Top