หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์-ซึมลง ต่างชาติเริ่มขาย-เล็งกลุ่มพลังงานกดดัน

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่ง Sideway Down ในลักษณะซึมลงจากวอลุ่มที่หดหายไป-ต่างชาติเริ่มขาย-เล็งรับแรงกดดันจากกลุ่มพลังงานที่อาจจะลงตามราคาพลังงานในตลาดโลก อีกทั้งอยู่ในช่วงรอดูผลประชุม ECB-BOJ ที่จะมีขึ้นในวันนี้ และรอดูผลประชุมเฟดในสัปดาห์หน้า เล็งปรับลด QE หวั่นค่าเงินจะผันผวนได้ ดังนั้นทุกคนจึง Wait & See ก่อน อย่างไรก็ดี เลือกลงทุนหุ้นเป็นรายตัวได้จากประเด็นเฉพาะตัว แต่ภาพรวมตลาดฯคงจะทรงตัวหรืออ่อนลง หลังพบโควิดสายพันธุ์ใหม่เริ่มเข้าในสหรัฐฯแล้ว เป็นปัจจัยเสี่ยง เล็งหุ้นในกลุ่มเปิดประเทศอาจทรงตัวในช่วงรอดูสถานการณ์ก่อน ด้านตลาดภูมิภาคเช้านี้ทรงตัว พร้อมให้แนวรับ 1,620-1,606 แนวต้าน 1,635-1,640 จุด

นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.กรุงไทย ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่ง Sideway Down ในลักษณะซึมลงจากวอลุ่มเทรดที่หดหายไป และนักลงทุนต่างชาติเริ่มขาย โดยได้รับแรงกดดันจากหุ้นในกลุ่มพลังงานที่อาจจะปรับตัวลงตามราคาพลังงานในตลาดโลก อีกทั้งยังต้องติดตามดูผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) และการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในวันนี้ รวมถึงสัปดาห์หน้าก็ติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่คาดว่าจะมีการประกาศการปรับลด QE ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงก็จะทำให้ค่าเงินผันผวนได้ ทุกคนจึง Wait & See ก่อนดีกว่า

อย่างไรก็ดี นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนหุ้นเป็นรายตัวได้ จากประเด็นเฉพาะตัว อาจเป็นผลประกอบการจะดีหรือออกมาดี ซึ่งก็จะช่วยหนุนให้หุ้นปรับตัวขึ้นได้ แต่ภาพรวมตลาดคงจะเป็นลักษณะทรงตัวหรืออ่อนตัวลง เพราะได้มีการพบไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่เริ่มเข้าในสหรัฐฯแล้ว ทำให้คนเริ่มกลัวและเป็นความเสี่ยงได้ ซึ่งหุ้นกลุ่มเปิดประเทศที่ปรับตัวขึ้นมาในช่วงก่อนหน้านี้ก็อาจจะทรงตัวรอดูสถานการณ์ก่อน

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ทรงตัว พร้อมให้แนวรับ 1,620-1,606 จุด ส่วนแนวต้าน 1,635-1,640 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (27 ต.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,490.69 จุด ลดลง 266.19 จุด (-0.74%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,551.68 จุด ลดลง 23.11 จุด (-0.51%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,235.84 จุด เพิ่มขึ้น 0.12 จุด ( 0.00%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 13.61 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 226.63 จุด และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 19.68 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (27 ต.ค.)1,627.61 จุด ลดลง 8.36 จุด (-0.51%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,326.10 ล้านบาท เมื่อวันที่ 27 ต.ค.64
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (27 ต.ค.) ปิดที่ระดับ 82.66 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 1.99 ดอลลาร์ หรือ 2.4%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (27 ต.ค.) อยู่ที่ 8.45 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 33.32 แข็งค่าจากวานนี้ ตลาดจับตาผลประชุม BOJ-ECB-ตัวเลข GDP สหรัฐฯ
  • “สุพัฒนพงษ์” ชี้ปี 65 เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวชัด รัฐบาลเร่งสร้างปัจจัยหนุน ทั้งความชัดเจน “ซีพีทีพีพี” วีซ่าพำนักระยะยาว นโยบายอีวี “อาคม” คาดจีดีพีทั้งปีโตเกิน 1% ผลบวกส่งออก ราคาพืชผลเกษตรดีขึ้น อัดงบภาครัฐ ยืนยันไม่ลดภาษีสรรพสามิตดีเซล
  • ทางด่วน N2 ค่าก่อสร้างเพิ่ม 2,000 ล้านบาท จาก 1.4 หมื่นล. เป็น 1.6 หมื่นล. เหตุปรับแบบช่วงโครงสร้างร่วมรถไฟฟ้าสีน้ำตาล กทพ.จ่อออกพันธบัตร 2,000 ล้านบาท เสริม TFF มั่นใจฐานะการเงินแข็งแกร่ง เผยแผนปี 65 เปิดประมูลด่วน N2 และสายกะทู้-ป่าตอง ระยะทาง 3.98 กิโลเมตร วงเงินลงทุนเกือบ 1.5 หมื่นล้านบาท
  • กูรู ชี้ “เงินเฟ้อ” ดันราคาทองพุ่ง “แม่ทองสุก” คาดปี 65 มีโอกาสทดสอบ 2 พันดอลลาร์ต่อออนซ์ หนุนทองไทยพุ่งแตะ 2.95 หมื่นบาท “นายกสมาคมค้าทองคำ” คาดไตรมาส 4/64 แกว่งตัวในกรอบแคบจากแรงกดดันค่าเงินบาท ฝั่ง “สภาทองคำโลก” ชี้ ธปท.เพิ่มสัดส่วนถือทองคำในรอบ 4 ปี
  • กทพ.เดินหน้าชง ครม.ไฟเขียวสร้างทางด่วนขั้น 3 เล็งเปิดประมูลช่วง เม.ย.-พ.ค.65 เริ่มก่อสร้าง พ.ย.65 เปิดให้บริการปี 68 เตรียมจ้างที่ปรึกษาเจาะเส้นทางใหม่ หวัง ม.เกษตรฯ เปิดทาง
  • “สุริยะ” ฟุ้งภาคผลิตฟื้นตัว อวดดัชนีเอ็มพีไอเดือน ก.ย.โต 93.72 จ่อขับเป้าหลังประเมินเปิดประเทศหนุนเต็มสูบ “พาณิชย์” ฟุ้งโควิดคลี่คลายหนุนบริษัทตั้งใหม่พรึ่บ จับตาธุรกิจพืชทางเภสัชฯ มาแรง

หุ้นเด่นวันนี้

  • DPAINT (บมจ.สีเดลต้า) เทรดวันนี้วันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยราคาขาย IPO ที่ 7.50 บาท/หุ้น บล.ฟินันเซีย ไซรัส (เป็นผู้จัดจำหน่ายฯ) ประเมินราคาเป้าหมายปี 65 ที่ 9.80 บาท จากกำไร 3 ปีข้างหน้า +29% CAGR ทั้งนี้ บริษัทดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายสีทาอาคารครอบคลุมหลายระดับราคาและการใช้งาน รวมถึงช่องทางจัดจำหน่ายทั้ง Modern Trade ร้านค้าปลีกและงานโครงการ แบรนด์เป็นที่ยอมรับกว่า 43 ปี และมีการพัฒนาสินค้าด้วยนวัตกรรมใหม่เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ภาพรวมได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและภาคก่อสร้าง
  • HMPRO (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้า 16.5 บาท ผ่านจุดต่ำสุดของปีมาแล้วตั้งแต่ Q3/64 และจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวของกำไรตั้งแต่ Q4/64 สะท้อนผ่าน SSSG ที่เริ่มกลับมาเป็นบวก 10-20% ตั้งแต่เดือน ก.ย. เทียบกับ 3Q21 ติดลบ 10-15%จากการเปิดเมือง (70% ของรายได้มาจากกรุงเทพและหัวเมืองท่องเที่ยว)
  • TASCO (เอเชีย เวลท์) “เก็งกำไร”เป้า 19.20 บาท คาดกำไร Q3/64 เป็นจุดต่ำสุดของปี โดยคาดกำไรสุทธิ 388 ล้านบาท ลดลงทั้ง QoQ และ YoY ตามปริมาณการขายลดลง สัดส่วนขายต่างประเทศมากขึ้น และบันทึกขาดทุน Hedging Loss มองทิศทาง Q4/64 ฟื้นตัวตามความต้องการใช้ยางมะตอย ประกอบกับราคาขายเพิ่มขึ้น หนุนการฟื้นตัวของรายได้ การเลือกตั้งในเวเนฯ ยังเป็นประเด็นสาคัญที่ต้องติดตาม มีโอกาสการ Sanction ของสหรัฐได้รับการทบทวน เป็น Upside ราคาหุ้น

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 ต.ค. 64)

Tags: , ,
Back to Top