หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์-อิงอ่อนลง ผลงานหลายบริษัท Real Sector ต่ำคาด

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์-อิงอ่อนลงในช่วงติดตามการประกาศงบฯไตรมาส 3/64 และตลาดฯก็ยังไร้ปัจจัยใหม่หนุน และแม้งบฯในต่างประเทศจะออกมาดี แต่ดาวโจนส์ฟิวเจอร์สเช้านี้ปรับลงจากคาดงบฯ Apple และ Amazon จะไม่ดี ส่วนงบฯกลุ่ม Real Sector ในตลาดบ้านเราก็ออกมาไม่ดี หลายบริษัทต่ำกว่าคาด ส่ง Sentiment ตลาดฯไม่ดี นักลงทุนจึงระวังมากขึ้น อีกทั้งเงินเฟ้อที่ขึ้นทำให้นโยบายการเงินในต่งประเทศเข้มข้นขึ้น ด้านตลาดภูมิภาคเช้านี้แกว่งบวก-ลบคละกัน พร้อมให้แนวรับ 1,620-1,615 แนวต้าน 1,630-1,635 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ในทิศทางที่อ่อนตัวลง ในช่วงรอติดตามผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนงวดไตรมาส 3/64 ขณะเดียวกันก็ยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาสนับสนุนการลงทุน และแม้งบฯในต่างประเทศจะออกมาดี แต่ก็คาดว่าจะได้รับแรงกดดันจากบริษัท แอปเปิล (Apple) และแอมะซอน (Amazon) ทำให้เช้านี้ดาวโจนส์ฟิวเจอร์สปรับตัวลง

ส่วนงบฯในกลุ่ม Real Sector ในตลาดบ้านเราออกมาไม่ดี หลายบริษัทออกมาต่ำกว่าคาด ไม่ว่าจะเป็น DTAC, PTTEP เป็นต้น ซึ่งทำให้ Sentiment ตลาดฯไม่ดี นักลงทุนจึงระวังการลงทุนมากขึ้น อีกทั้งยังกังวลเงินเฟ้อที่ปรับตัวขึ้นด้วย อันเป็นผลจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น ทำให้นโยบายการเงินในต่างประเทศอาจจะต้องเข้มข้นขึ้น ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ก็เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบคละกัน

อย่างไรก็ดีให้ติดตามการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) วันนี้ อาจจะมีการปรับพื้นที่สีแดงเข้มลดลงเพื่อรอเปิดประเทศ และติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า

พร้อมให้แนวรับ 1,620-1,615 จุด ส่วนแนวต้าน 1,630-1,635 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (28 ต.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,730.48 จุด เพิ่มขึ้น 239.79 จุด (+0.68%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,596.42 จุด เพิ่มขึ้น 44.74 จุด (+0.98%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,448.12 จุด เพิ่มขึ้น 212.28 จุด (+1.39%)

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,519.33 จุด เพิ่มขึ้น 0.91 จุด (+0.03%), ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 28,819.16 จุด ลดลง 0.93 จุด (-0.003%) และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 25,466.86 จุด ลดลง 88.87 จุด (-0.35%)

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (28 ต.ค.) 1,624.31 จุด ลดลง 3.30 จุด (-0.20%)

– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 417.92 ล้านบาท เมื่อวันที่ 28 ต.ค.64

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (28 ต.ค.) ปิดที่ระดับ 82.81 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 15 เซนต์ หรือ 0.2%

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (28 ต.ค.) อยู่ที่ 7.99 ดอลลาร์/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 33.18 แข็งค่าจากวานนี้ จับตาตัวเลขศก.ไทย-ผลประชุมศบค.-ทิศทาง Flow

– “ศักดิ์สยาม” เปิดแผนคมนาคมปี 65 ลุยเมกะโปรเจ็กต์ 40 โครงการ มูลค่ากว่า 1.4 ล้านล้านบาท หนุนโครง สร้างพื้นฐานกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้าน รฟม.เดินหน้าเปิดร่าง TOR รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้

– คลังหั่นจีดีพีปีนี้เหลือ 1% โอดพิษโควิด-19 ระลอกใหม่ทุบเศรษฐกิจไตรมาส 3 อ่วมติดลบ 3.5% หวังอานิสงส์มาตรการเปิดเมือง-โครงการกระตุ้นใช้จ่าย หนุนเศรษฐกิจโค้งสุดท้ายฟื้นตัว จับตาไวรัสกลายพันธุ์ทำวัคซีนไร้ประสิทธิภาพ

– นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย เปิดเผยว่า สมาคมฯ อยากเสนอรัฐบาลถึง 7 แนวทางฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยเร่งด่วน คือ 1.ภาครัฐที่ต้องอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบอย่างรวดเร็ว ตรงเป้า และมีประสิทธิภาพเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ ส่งเสริมให้คนไทย เที่ยวไทย ใช้ของไทยในช่วงปลายปีนี้ต่อเนื่องถึงไตรมาสหนึ่งของปีหน้า เพิ่มวงเงินโครงการคนละครึ่ง และยิ่งใช้ยิ่งได้ รวมทั้งนำโครงการช้อปดีมีคืนกลับมาใช้โดยเพิ่มวงเงินเป็น 2 แสนบาท จากเดือน ธ.ค.64-ก.พ.65 พร้อมกับช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือน อาทิ ค่าสาธารณูปโภค ค่าอินเทอร์เน็ต เพื่อเพิ่มกำลังซื้อแก่ผู้บริโภค

– มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักธุรกิจต่างประเทศ ไตรมาส 3 ปี 64 ที่สำรวจกลุ่มตัวอย่างหอการค้าต่างประเทศในไทย 29 ประเทศ จากทั้งสิ้น 41 ประเทศ ว่าดัชนีความเชื่อมั่นปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกรายการ และดีที่สุดในรอบปีนี้ โดยดัชนีความเชื่อมั่นไตรมาส 3 ปี 64 อยู่ที่ 41.7 เพิ่มจาก 27.7 ในไตรมาส 2 ปี 64, ดัชนีความเชื่อมั่นในอนาคต อยู่ที่ 53.1 เพิ่มขึ้น 32.5 และดัชนีความเชื่อมั่นปัจจุบัน อยู่ที่ 30.2 เพิ่มจาก 22.8 เนื่องจากการประกาศคลายล็อกดาวน์เมื่อเดือน ก.ย.64 และทยอยเปิดประเทศ กิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ กลับมา ทำให้ต่างชาติเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยผ่านพ้นจุดต่ำสุดที่อยู่ในเดือน ส.ค.64 แล้ว และจะทยอยดีขึ้น โดยใน 3-6 เดือนข้างหน้า มั่นใจว่า การเปิดประเทศตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.นี้ จะทำให้โอกาสทางเศรษฐกิจกลับมาสมบูรณ์ที่สุด เพราะเปิดเศรษฐกิจได้แบบครบวงจร

หุ้นเด่นวันนี้

– TFM (บมจ.ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์) เทรดวันนี้วันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) สังกัดกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร หมวดธุรกิจการเกษตร โดยมีราคาขาย IPO 13.50 บาท/หุ้น บล.ฟินันเซีย ไซรัส เป็นผู้จัดจำหน่ายฯ ประเมินราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 17 บาท คาดกำไรปี 2022-2023 กลับมาโตสูง +93% Y-Y และ +29% Y-Y บริษัทฯเป็นผู้นำอาหารสัตว์น้ำในไทย มี TU เป็นบริษัทแม่ ทำให้มีความพร้อมในทุกด้าน สามารถสร้างความได้เปรียบด้วยคุณภาพและความแตกต่างของสินค้า มีส่วนแบ่งการตลาด 24% ในอาหารปลากะพง และ 17% ในอาหารกุ้ง แม้ปี 2564 จะสะดุดจากปัญหาโควิด-19 และราคาวัตถุดิบแพงขึ้น แต่คาดกำไรจะกลับมาโตเด่นในปี 2565 จากความต้องการใช้อาหารสัตว์ที่เริ่มฟื้นตัว ราคาวัตถุดิบตลาดโลกเริ่มปรับลง และขยายธุรกิจไปในอินโดนีเซียและปากีสถาน ซึ่งยังมีการใช้อาหารเม็ดกันน้อย

– EPG (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 12 บาท Outlook กำไรปี 65-66 เติบโต หนุนด้วยคำสั่งซื้อที่และการปรับเพิ่มราคาขาย ช่วงปลายปี 64 ถึงครึ่งแรกปี 65 ลุ้นได้รับคำสั่งผลิตจากผู้ประกอบการ EV อีกทั้งลดความเสี่ยงเรื่องต้นทุนการผลิตในภาวะที่ราคาพลังสูงด้วยการ Lock ราคาวัตถุดิบล่วงหน้าจนถึงปี 65 สำหรับครึ่งหลังปี 65 จะเริ่มกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากโรงงาน Aeroflex ใน US พร้อมประเมินกำไรสุทธิปี 2565-2566 ที่ 1.69 พันลบ. และ 1.97 พันลบ. +39%YoY, +16%YoY ตามลำดับ

– EKH (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ”เป้า 9.40 บาท คาดกำไร Q3/64 โตอย่างก้าวกระโดด +81% Q-Q, +653% Y-Y ทำ New High จากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่พุ่งขึ้น แนวโน้ม Q4/64 คาดอ่อนตัวลงตามสถานการณ์ระบาดที่ดีขึ้น ล่าสุดปรับเพิ่มกำไรปี 2564 เป็น +289% Y-Y ส่วนปี 2565 คาด -40% Y-Y แต่ยังสูงที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทไม่นับปี 2021 และได้อานิสงส์จากการเปิดเมืองสำหรับธุรกิจ IVF และยังไม่รวม Upside จากการลงทุนในอนาคต โดยมีแนวรับ 8 บาท แนวต้าน 8.40-8.60 บาท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ต.ค. 64)

Tags: , ,
Back to Top