บลจ.ทิสโก้ เปิดขายกองทุน TSFRMF-A ลงทุนหุ้นไทยเชิงรุก IPO 8-17 พ.ย.

นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด และที่ปรึกษาการลงทุน บลจ.ทิสโก้ เปิดเผยว่า บลจ.ทิสโก้เปิดเสนอขาย กองทุนเปิด ทิสโก้ สแตรทิจิก เพื่อการเลี้ยงชีพ ชนิดผู้ลงทุนทั่วไป (TSFRMF-A) ความเสี่ยงระดับ 6 (เสี่ยงสูง) กองทุนรวมตราสารทุนเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนเปิด ทิสโก้ สแตรทิจิก ฟันด์ ชนิดหน่วยลงทุน A (กองทุนหลัก) เพียงกองทุนเดียว มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรก 1,000 บาท เสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) 8 – 17 พฤศจิกายน 2564 เพื่อช่วยลูกค้าในการบริหารจัดการภาษี และเพิ่มทางเลือกให้นักลงทุนที่สนใจลงทุนหุ้นไทยมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่นด้วยกองทุนคุณภาพ

ทั้งนี้ ความโดดเด่นของกองทุนหลัก คือ เป็นกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนเชิงรุก (Active Fund) ที่ไม่มีข้อจำกัดเรื่องกลยุทธ์การลงทุน สามารถลงทุนได้ทั้งหุ้นขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก และปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ ผู้จัดการกองทุนจะคัดเลือกหุ้นด้วยวิธี Bottom Up บนพื้นฐานที่คำนึงถึงสถานการณ์เศรษฐกิจในภาพรวม จากนั้นจึงวิเคราะห์และคัดสรรจนเหลือหุ้นที่จะลงทุนเพียง 10-15 ตัว โดยจะเน้นลงทุนในหุ้นไทยที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มั่นคง และมีแนวโน้มการเติบโตทางธุรกิจที่ดีเป็นหลัก พร้อมทั้งกระจายพอร์ตการลงทุนไปยังกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อลดความผันผวนของพอร์ตโดยรวม

ด้วยกลยุทธ์การลงทุนดังกล่าว จึงมั่นใจว่ากองทุน TSFRMF-A จะเป็นอีกหนึ่งกองทุนที่เป็นผู้นำในการเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่นในกลุ่มกองทุนหุ้นไทย ข้อมูลจาก Morningstars ณ วันที่ 30 กันยายน 2564 ระบุว่า กองทุน TSF-A ซึ่งเป็นกองทุนหลัก มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 ปี 5 ปี 7 ปี และ 10 ปี สูงเป็นอันดับที่ 1 ของประเภทกองทุนหุ้นไทย Equity Small/Mid-Cap อีกทั้ง กองทุน TSF-A ยังได้รับการจัดอันดับ 5 ดาว จาก Morningstars อีกด้วย (ข้อมูลเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2564)

นอกจากนี้ ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาตามข้อมูลของ บลจ. ทิสโก้ ณ วันที่ 30 กันยายน 2564 กองทุน TSF-A ซึ่งเป็นกองทุนหลัก สามารถทำผลตอบแทนได้ 57.31% มากกว่าดัชนี SET TRI ที่เป็นดัชนีชี้วัด (Benchmark) ที่ในช่วงเวลาเดียวกันมีอัตราผลตอบแทน 33.56% ซึ่งกองทุน TSF-A สามารถเอาชนะดัชนีชี้วัดได้ 23.75% และผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือน 6 เดือน 1 ปี 3 ปี 5 ปี 10 ปี และตั้งแต่จัดตั้งกองทุนถึงปัจจุบัน อยู่ที่ 5.62% 6.35% 57.31% ต่อปี 16.54% ต่อปี 16.75% ต่อปี 14.45% ต่อปี และ 12.81% ต่อปี ขณะที่ในช่วงเวลาเดียวกันดัชนีชี้วัด SET TRI มีผลตอบแทนย้อนหลังอยู่ที่ 6.62% 14.88% 15.13% ต่อปี -3.48% ต่อปี 5.66% ต่อปี 7.78% ต่อปี และ 8.87% ต่อปี ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม ไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

“ในช่วงที่ผ่านมาลูกค้าให้ความสนใจกองทุน TSF-A เป็นอย่างมาก และเพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีให้ลูกค้า ไปพร้อมๆ กับมีส่วนช่วยในการบริหารจัดการภาษี บลจ.ทิสโก้จึงได้เปิดกองทุน TSFRMF-A ที่ลงทุนในกองทุน TSF-A โดยมองว่าดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสปรับขึ้น ตามตัวเลขเศรษฐกิจที่คาดว่าจะค่อยๆ ฟื้นตัว โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวสู่ภาวะปกติได้ในช่วงหลังของปี 2565 จากนโยบายการเงินที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ นโยบายการคลังที่ขยายเพดานหนี้สาธารณะเป็น 70% ต่อ GDP ช่วยเพิ่มความสามารถในการกู้เงินเพื่อนำมากระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงนโยบายกระตุ้นการบริโภคจากภาครัฐที่ออกมาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งประเทศไทยน่าจะได้รับผลกระทบจาก QE Tapering น้อยกว่าประเทศอื่น เนื่องจากปัจจุบันนักลงทุนต่างชาติถือครองหุ้นไทยในสัดส่วนที่ไม่มากเท่ากับในอดีต ตลาดหุ้นไทยจึงไม่น่ากังวลเรื่องเงินไหลออกเท่าใดนัก” นายสาห์รัช กล่าว

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 พ.ย. 64)

Tags: , , ,
Back to Top