ดาวโจนส์ปิดลบ 112.24 จุดจากแรงขายทำกำไร-วิตกเงินเฟ้อ

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (9 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากตลาดปิดทำนิวไฮติดต่อกันหลายวัน นอกจากนี้ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อของสหรัฐยังส่งผลให้เกิดแรงเทขายหุ้นเป็นวงกว้าง

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 36,319.98 จุด ลดลง 112.24 จุด หรือ -0.31%,
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,685.25 จุด ลดลง 16.45 จุด หรือ -0.35% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,886.54 จุด ลดลง 95.81 จุด หรือ -0.60%

ตลาดได้รับแรงกดดันจากแรงขายทำกำไร รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐ โดยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต พุ่งขึ้น 0.6% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากปรับตัวขึ้น 0.5% ในเดือนก.ย. นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงินกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ของประธานาธิบดีโจ ไบเดนอาจหนุนให้เงินเฟ้อดีดตัวขึ้น ซึ่งจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้

หุ้น 5 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยร่วงลง 1.4%

หุ้นเทสลาร่วงลงอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดปิดตลาดดิ่งลง 11.99% เมื่อคืนนี้ หลังจากที่นายอีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลา ได้ตั้งโพลสอบถามความคิดเห็นกับผู้ติดตามในทวิตเตอร์ว่าเขาควรขายหุ้นเทสลา 10% เพื่อนำเงินไปจ่ายภาษีหรือไม่ ซึ่งผลโหวต 57.9% แนะนำให้เขาขายหุ้นเทสลาจำนวนดังกล่าว โดยสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้เกิดคำถามที่ว่า นายอีลอน มัสก์ ได้ละเมิดข้อตกลงที่ทำไว้กับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) หรือไม่

หุ้น Robinhood ซึ่งเป็นบริษัทโบรกเกอร์ออนไลน์ที่ให้บริการซื้อขายหุ้นผ่านแอปพลิเคชั่นโดยไม่คิดค่าธรรมเนียม ร่วงลง 3.37% หลังมีรายงานว่าแฮกเกอร์ได้เจาะเข้าระบบของบริษัท ซึ่งส่งผลกระทบต่อข้อมูลของลูกค้ากว่า 5 ล้านราย

หุ้นเพย์พาล โฮลดิ้งส์ (Paypal Holdings) ร่วงลง 10.46% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์รายได้ในปี 2564 ที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคปรับตัวขึ้น 0.4% ขานรับสภาคองเกรสสหรัฐผ่านร่างกฎหมายการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน โดยหุ้นพีจีแอนด์อี คอร์ปอเรชั่น พุ่งขึ้น 5% หุ้นโจนส์ แลง ลาซาลล์ บวก 0.4% หุ้นดุ๊ค เอนเนอร์จี ดีดตัวขึ้น 0.53%

หุ้นเจเนอรัล อิเลคทริค (GE) พุ่งขึ้น 2.66% หลังจากบริษัทประกาศปรับโครงสร้างครั้งใหญ่เพื่อหวังพลิกฟื้นธุรกิจ โดย GE จะแยกกิจการออกเป็นบริษัท 3 แห่ง แบ่งเป็นธุรกิจการบิน, พลังงาน และผลิตภัณฑ์รักษาสุขภาพ หลังจากที่บริษัทประสบปัญหาทางการเงินในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

นักลงทุนจับตาดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันนี้

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่น ๆ ของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.ย., ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนก.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนพ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 พ.ย. 64)

Tags: , , ,
Back to Top