TRUE คาดปี 65 รายได้ฟื้น-พลิกกำไรหลังศก.ดีขึ้น วางเป้าเพิ่มฐานลูกค้า 5G แตะ 4 ล้านราย

น.ส.ยุภา ลีวงศ์เจริญ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ากลับมามีกำไรสุทธิในปี 65 และรายได้ปรับตัวดีขึ้นจากปีนี้ ซึ่งยอมรับยังมีผลขาดทุนสุทธิ โดย 9 เดือนของปี 64 ขาดทุนสุทธิที่ 1,483 ล้านบาท และมีรายได้อยู่ที่ 103,177.24 ล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญจากการแพร่ระบาดของโควิด-19

ทั้งนี้คาดว่าในปีหน้า เศรษฐกิจน่าจะฟื้นตัวดีขึ้น ทำให้ส่งผลดีต่อการกลับมาจัดกิจกรรมต่างๆ รวมถึงอุปกรณ์ หรือโทรศัพท์มือถือที่รองรับเครือข่าย 5G จะมีมากขึ้น และมีราคาที่ถูกลง จะช่วยให้สัดส่วนผู้ใช้บริการ 5G เติบโตได้มากขึ้น โดยบริษัทฯ วางเป้าขยายฐานลูกค้า 5G ในปีหน้าไว้ที่ 4 ล้านราย เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 64 ที่คาดจะอยู่ที่ 2 ล้านราย จากไตรมาส 3/64 อยู่ที่ 1.5 ล้านราย

นอกจากนี้ธุรกิจบรอดแบนด์ ยังคงเติบโตต่อเนื่อง สอดคล้องกับความต้องการใช้งานบรอดแบนด์ที่เพิ่มขึ้น ตามเทรนด์การทำงานและการเรียนจากที่บ้าน ซึ่งบริษัทฯ ยังคงเดินหน้าเพิ่มคุณภาพการให้บริการ และการบริการหลังการขาย รวมถึงการนำ Data Analytic มาใช้วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า เพื่อให้แน่ใจว่าลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้นจากการใช้บริการอินเตอร์เน็ตของ TRUE ขณะเดียวกันยังมีสิทธิประโยชน์ หรือการพ่วงบริการต่างๆ ในเครือ

ณ สิ้นไตรมาส 3/64 บริษัทฯ มีผู้ใช้บริการบรอดแบนด์เติบโตเป็น 4.5 ล้านราย โดยเพิ่มขึ้น 1.35 แสนราย ในระหว่างไตรมาส

ขณะที่ทรูดิจิทัล กรุ๊ป จะเข้ามาสร้างความแข็งแกร่ง และแตกต่างให้กับกลุ่มทรู ด้วยระบบนิเวศดิจิทัลครบวงจร โดยแพลตฟอร์มสื่อดิจิทัล ทรูไอดี อีกทั้งบริษัทฯ จะดำเนินการปรับลดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการใช้งบลงทุนที่ลดลงด้วย

ปัจจุบัน TRUE มีสัดส่วนรายได้มาจาก ธุรกิจมือถือราว 75%, ธุรกิจบรอดแบนด์ 20% ส่วนที่เหลือเป็นทรูวิชั่นส์ และทรู ดิจิทัล กรุ๊ป

สำหรับการลงทุนในปี 65 บริษัทฯ มีแผนที่จะขยาย capacity ทั้งโครงข่ายมือถือ และโครงข่ายบรอดแบนด์ ในพื้นที่ที่มีความหนาแน่น หรือมีผู้ใช้งานจำนวนมาก เพื่อรองรับผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้น

ส่วนกรณีที่หนี้สินต่อทุน (D/E) ของบริษัทฯ ในปัจจุบันค่อนข้างอยู่ในระดับสูง ยืนยันว่าจะไม่มีการเพิ่มทุน เนื่องจากได้มีการลดการลงทุนลงอย่างต่อเนื่อง และตั้งเป้ามี Organic Growth จากรายได้ที่เพิ่มขึ้น ลดต้นทุน เพิ่มกำไรก่อนหักดอกเบี้ยภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานมากขึ้น เพื่อรองรับการลงทุนต่างๆ

ด้านผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/64 บริษัทฯ คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากเป็นช่วงของไฮซีซั่น ขณะเดียวกันภาครัฐก็มีการผ่อนปรนมาตรการต่างๆ และเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ น่าจะช่วยหนุนเศรษฐกิจช่วงโค้งสุดท้ายของปีดีขึ้น (ในกรณีที่ไม่มีการระบาดของโควิด-19 รอบใหม่)

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 พ.ย. 64)

Tags: , , ,
Back to Top