หุ้นไทยปิดบวก 6.42 จุด ยืนเหนือ 1,650 เก็งหุ้นตามปัจจัยเฉพาะตัว-หุ้นลงลึกแล้ว

  • ตลาดหลักทรัพย์ ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,651.02 จุด เพิ่มขึ้น 6.42 จุด (+0.39%) มูลค่าการซื้อขาย 76,537.81 ล้านบาท
  • การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ โดยดัชนีทำระดับสูงสุด 1,653.68 จุด และระดับต่ำสุด 1,642.50 จุด
  • ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 799 หลักทรัพย์ ลดลง 781 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 635 หลักทรัพย์

นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บล.เคทีบีเอสที กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้นมายืนเหนือ 1,650 จุดได้ หลังตลาดต่างประเทศเริ่มทรงตัวจากรับรู้เงินเฟ้อพุ่งไปแล้ว และ Fund Flow ไหลเข้าในเอเชียมา 5 วันติดต่อกัน ส่งผลดีถึงตลาดหุ้นไทยไปด้วย โดยหุ้นที่มาช่วยหนุนตลาดฯเป็นหุ้นเกี่ยวข้องเทคโนโลยี และยานยนต์ไฟฟ้า (EV) หลังจากที่ค่ายรถยนต์เปิดเผยยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าออกมาแสดงให้เห็นการเริ่มต้นอย่างจริงจัง

แต่นักลงทุนบางส่วนก็ยังห่วงว่าทิศทางตลาดฯจะไปต่อได้หรือไม่ จึงยังคงเลือกเล่นหุ้นตามปัจจัยเฉพาะตัว และหุ้นที่ราคาลงลึกแล้ว อาทิ TRUE และ DTAC ที่มีประเด็นการควบรวมกิจการด้วย เป็นต้น อีกทั้งหลังสิ้นสุดการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนแล้วทำให้เห็นภาพว่าหุ้นใดน่าจะฟื้นตัวได้จากการให้ข้อมูลเพิ่มเติมของผู้บริหาร

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียวันนี้ส่วนใหญ่ติดลบ ขณะที่ตลาดยุโรปเทรดบ่ายนี้ก็เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ ซึ่งตลาดในยุโรปจะอิงตามสหรัฐที่มีความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อและราคาน้ำมันด้วย ด้านตลาดบ้านเราวันนี้ก็มีแรงขายหุ้นในกลุ่มพลังงานออกมาหลังจากราคาน้ำมันปรับลง แต่เงินบาทแข็งค่าช่วยหนุนแรงซื้อ พร้อมแนะติดตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ

แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (19 พ.ย.) นายมงคล กล่าวว่า ตลาดฯคงจะแกว่ง Sideway up ในกรอบ 1,645-1,660 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

  • TRUE มูลค่าการซื้อขาย 5,069.15 ล้านบาท ปิดที่ 4.38 บาท เพิ่มขึ้น 0.14 บาท
  • DTAC มูลค่าการซื้อขาย 2,353.83 ล้านบาท ปิดที่ 41.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
  • EA มูลค่าการซื้อขาย 2,218.66 ล้านบาท ปิดที่ 72.25 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท
  • CBG มูลค่าการซื้อขาย 2,217.38 ล้านบาท ปิดที่ 115.50 บาท ลดลง 2.50 บาท
  • PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,880.57 ล้านบาท ปิดที่ 118.50 บาท ลดลง 0.50 บาท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 พ.ย. 64)

Tags: , , , , ,
Back to Top