กทม. ทบทวนมาตรการสร้างความปลอดภัยให้แรงงานก่อสร้าง-เร่งฉีดวัคซีนโควิด

นายขจิต ชัชวานิชย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นประธานการประชุมผู้ประกอบการเพื่อทบทวนและเน้นย้ำมาตรการตรวจแคมป์คนงานและไซต์งานก่อสร้างในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยที่ประชุมรายงานว่า สำนักอนามัย ร่วมกับสำนักการโยธา และสำนักงานเขตดำเนินการตรวจประเมินสถานที่ก่อสร้างขนาดใหญ่ระหว่างวันที่ 8 -12 พ.ย.64 ตรวจประเมินสถานที่ก่อสร้างขนาดใหญ่ 78 โครงการ ผ่านการตรวจประเมิน 70 โครงการ ไม่ผ่านการประเมิน จำนวน 8 โครงการ เนื่องจากสัดส่วนการได้รับวัคซีนยังไม่ครบถ้วนตามที่กำหนด (อย่างน้อย 85%)

ปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ภายหลังจากที่มีการเปิดประเทศ หลายกิจการได้รับการผ่อนคลาย รวมถึงโครงการก่อสร้าง ทำให้มีแรงงานเข้ามาภายในพื้นที่กรุงเทพฯ ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กทม. จึงเชิญผู้ประกอบการสถานที่พักคนงานก่อสร้างและสถานที่ก่อสร้างขนาดใหญ่ ร่วมประชุมทบทวนมาตรการเพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับแรงงานในสถานที่พักคนงานก่อสร้างและสถานที่ก่อสร้าง โดยขอความร่วมมือสถานประกอบการดำเนินการตามมาตรการอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันไม่ให้แคมป์เป็นแหล่งแพร่กระจายเชื้อโรค พร้อมกันนี้ได้มอบหมายสำนักงานเขต 50 เขต ตรวจสอบมาตรฐานแคมป์ภายในพื้นที่เขตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงโรงเรียน ตลาด สถานประกอบการ และร้านอาหารเพื่อความปลอดภัยของทุกคน

พร้อมกันนี้ ที่ประชุมได้ทบทวนมาตรการเพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับแรงงานในสถานที่พักคนงานก่อสร้างและสถานที่ก่อสร้าง อาทิ การ Bubble & Seal แคมป์และพื้นที่ Construction Site การควบคุมพื้นที่เข้าออกแคมป์ และ Site จัดพื้นที่ (Drop Zone) สำหรับการจัดส่งพัสดุ การ Quarantine ในแคมป์คนงานและไซต์งานก่อสร้าง การแยกแรงงานแต่ละ Site ไม่ให้ปะปนกัน งดเว้นการเคลื่อนย้ายแรงงาน หากมีความจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายแรงงาน ให้ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมการเดินทาง และเคลื่อนย้ายแรงงานก่อสร้างอย่างเคร่งครัด

รวมทั้งการให้บริการฉีดวัคซีน (COVID-19 Vaccine) สำหรับกลุ่มแรงงานและครอบครัวที่อาศัยในสถานที่พักคนงานก่อสร้างและสถานที่ก่อสร้าง พร้อมทั้งเน้นย้ำผู้ประกอบการให้ดำเนินการตามมาตรการควบคุมโรคที่ต้องถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด โดยมีผู้แทนจากสำนักอนามัยร่วมให้ความรู้ ทำความเข้าใจที่ตรงกัน เพื่อให้การปฏิบัติเป็นไปในแนวทางเดียวกัน ตลอดจนตอบข้อสงสัยต่างๆ เพื่อให้การควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 พ.ย. 64)

Tags: , , ,
Back to Top