แนวโน้มดัชนีหุ้นไทยเช้าแกว่งไซด์เวย์สร้างฐานหลังโควิดระบาดหนักในยุโรป-น้ำมันปรับฐาน

นักวิเคราะห์ฯเล็งตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์สร้างฐาน เผชิญปัจจัยลบในต่างประเทศ จากกังวลการแพร่ระบาดโควิด-19 ในยุโรป และราคาน้ำมันปรับฐานต่อเนื่อง อย่างไรก็ดีบ้านเรามีปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวเศรษฐกิจ-การแพร่ระบาดโควิดที่ควบคุมได้ดี ด้านตลาดภูมิภาคเช้านี้แกว่งบวก-ลบคละกันเล็กน้อยในลักษณะทรงตัว พร้อมให้แนวรับ 1,640-1,642 ถัดไป 1,635 แนวต้าน 1,655-1,660 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์สร้างฐาน เผชิญปัจจัยลบในต่างประเทศ จากความกังวลการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในยุโรป ทำให้บางประเทศมีการล็อกดาวน์ และราคาน้ำมันก็ปรับฐานลงอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาราคาน้ำมันลงเกือบ 3 เหรียญฯ/บาร์เรล ต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์ โดยมีปัจจัยกระทบจากกระแสข่าวสหรัฐฯ และจีน จะผ่อนคลายน้ำมันในคลังยุทธศาสตร์ เพื่อหวังสกัดราคาน้ำมันสูงขึ้น

อย่างไรก็ดี ตลาดบ้านเรามีปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวเศรษฐกิจและการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ที่คุมได้ดี ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบคละกันเล็กน้อยในลักษณะทรงตัว โดยสัปดาห์นี้ให้ติดตามดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เบื้องต้นภาคผลิต และภาคบริการของทั่วโลกที่จะทยอยออกมา และติดตามตัวเลขการค้าเบื้องต้นของไทย รวมถึงติดตามรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งประชุมเมื่อครั้งก่อน

พร้อมให้แนวรับ 1,640-1,642 ถัดไป 1,635 จุด ส่วนแนวต้าน 1,655-1,660 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (19 พ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,601.98 จุด ลดลง 268.97 จุด (-0.75%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,697.96 จุด ลดลง 6.58 จุด (-0.14%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,057.44 จุด เพิ่มขึ้น 63.73 จุด (+0.40%)

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 127.32 จุด +0.43%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 7.09 จุด หรือ +0.03% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 2.39 จุด หรือ +0.07%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (19 พ.ย.)1,645.06 จุด ลดลง 5.96 จุด (-0.36%)

– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,295.19 ล้านบาท เมื่อวันที่ 19 พ.ย.64

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (19 พ.ย.) ปิดที่ระดับ 76.10 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 2.91 ดอลลาร์ หรือ 3.7%

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (19 พ.ย.) อยู่ที่ 4.07 ดอลลาร์/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 32.82 อ่อนค่าจากสัปดาห์ก่อน วิตกโควิดระบาดในยุโรปหนุนแรงซื้อดอลลาร์

– จับตาอภิมหาดีล “เทเลนอร์-ซีพี” ผนึกกำลังสู่ Equal Partnerships ลุยธุรกิจโทรคมในอาเซียน บุกตลาด “เวียดนาม-เมียนมา” ลุ้นตลาดโทรคมไทยได้อานิสงส์แข่งเดือด เผยเบื้องลึก “เทเลนอร์ฯ-ซีพี” เปิดโต๊ะเจรจาสำเร็จ ก่อนเทเลนอร์ชี้แจงผ่านตลาดหุ้นในออสโล “กสทช.” จ้องดีลไม่กระพริบ หวั่นประเด็น “ทรู-ดีแทค” เข้าข่ายผู้มีอำนาจเหนือตลาด เรียกชี้แจงด่วนวันนี้

– นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า จากที่กระทรวงการคลังได้เพิ่มวงเงินสนับสนุนมาตรการลดภาระค่าครองชีพและฟืนฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบ COVID-19 จำนวน 4 โครงการ ประกอบด้วย โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 3 โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 และโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ โดยข้อมูล ณ วันที่ 18 พฤศจิกายน 2564 มีผู้ใช้สิทธิสะสมทั้ง 4 โครงการ รวม 41.15 ล้านราย ยอดใช้จ่ายสะสมทั้งหมด 183,865.5 ล้านบาท

– บิ๊กตู่สั่ง รฟท.เร่งดำเนินการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงขอนแก่น-หนองคาย เพื่อรองรับความต้องการประชาชนและเชื่อมโยงกับรถไฟความเร็วสูงจีน-สปป.ลาว โครงการสะพานมิตรภาพแห่งที่ 5 คืบกว่า 17%

– เกษตรกรโอด! ขายหมูขาดทุน หลังแบกภาระต้นทุนสูงลิบ พ่วงปัญหาโรค PRRS ระบาด หวั่นกระทบผล ผลิตหายกว่า 30% วอนปล่อยกลไกตลาดทำงานเสรี ทางออกราคาหมูกลับสู่สมดุล

หุ้นเด่นวันนี้

– GPSC (กรุงศรี)”ซื้อ”เป้า 80 บาท เป็นหุ้น Defensive เหมาะสำหรับพักเงินในช่วงที่ตลาดผันผวน, ได้ประโยชน์จากข่าว กพช. ประกาศปรับขึ้นค่า Ft จำนวน 16.71 สตางค์ต่อหน่วย และปรับขึ้นเป็นขั้นบันไบไดในปีหน้า และสุดท้ายยังได้โยชน์จากกระแส EV Car และ Battery Storage

– ORI (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ”เป้า 14 บาท โมเมนตัมกำไร Q4/64 คาดเร่งตัวขึ้นเด่น Q-Q และ Y-Y และเป็นจุดสูงสุดของปี จาก Backlog รอโอน 4.3 พันลบ.และอานิสงส์จากการผ่อนคลายเกณฑ์ LTV จากสต๊อกในมือที่สูง โดยยังคงมุมมองบวกระยะยาวว่า ORI จะเป็นมากกว่าบริษัทอสังหาฯจากการลงทุนและ JV ร่วมกับ Partner ในอุตสาหกรรมอื่นๆให้เกิด Synergy ร่วมกันและเพิ่มรายได้ประจำ รวมถึงการปลดล็อคมูลค่าบริษัทลูกผ่านการ Spin-Off พร้อมให้แนวรับ 11.30-11.40 บาท แนวต้าน 11.50 ถัดไป11.90-12 บาท

– XO (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 18.50 บาท แนวโน้มรายได้ Q4/64 เติบโตต่อ QoQ ปัญหาเรื่องการขาดแคลนบรรจุภัณฑ์จะเริ่มลดลงและ คาดส่งมอบสินค้าได้ตามเป้า แนวโน้มกำไรปี 65 จะโต จาก Margin เฉลี่ยที่ดีขึ้น, ยอดขายที่เติบโตและการจัดการต้นทุนทั้งบรรจุภัณฑ์และค่าขนส่งที่ดีขึ้น พร้อมประเมินกำไรสุทธิปี 64-65 ที่ 449 ลบ. และ 491 ลบ. +41%YoY, +9.3%YoY

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 พ.ย. 64)

Tags: , , ,
Back to Top