กนอ.โชว์ 3 โครงการขานรับ BCG Model หนุนจัดการทรัพยากรเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า กนอ.ดำเนินโครงการเพื่อสนับสนุนส่งเสริมโรงงานอุตสาหกรรมที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG พ.ศ. 2564-2569 ขณะนี้ 3 โครงการ โดยมุ่งเน้นส่งเสริมเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว

โดยโครงการแรกได้ร่วมมือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) พัฒนามาตรฐานโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Factory) ที่เป็นมาตรฐานสำหรับโรงงาน สอดคล้องตามแนวคิด BCG Economy Model สะท้อนผลการดำเนินงานทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมเชิงนิเวศสนองตอบการพัฒนาอย่างยั่งยืน

คุณลักษณะที่สำคัญของ Eco Factory คือ มีการปล่อยของเสียเป็นศูนย์ หรือมีของเสียเกิดน้อยที่สุด ใช้วัตถุดิบและพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ (Resources and Energy Efficiency) มีระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมที่ดีและได้มาตรฐาน (Environment Management System) การดำเนินกิจกรรมที่น่าเชื่อถือ (Reliable Production Activities) เกื้อกูลกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหรือสังคมโดยรอบ (Symbiosis with community) โดย กนอ.สนับสนุนที่ปรึกษาเข้าให้คำแนะนำกับโรงงานอุตสาหกรรมที่ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมในการดำเนินงานตามมาตรฐานโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Factory) เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการเป็นนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศของ กนอ.รวมทั้งร่วมมือกับองค์การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Industrial Development Organization : UNIDO) ในการส่งเสริมให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับโครงการที่ 2 กนอ. ดำเนินโครงการสนับสนุนส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากร เพื่อให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ที่ยั่งยืน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้เกิดการลดการเกิดของเสีย และหมุนเวียนทรัพยากรเหลือใช้มาใช้เป็นวัตถุดิบ (Waste as a resource) สำหรับการผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ โดย กนอ.จะสนับสนุนที่ปรึกษาเข้าให้คำแนะนำกับโรงงานอุตสาหกรรมที่ตั้งอยู่ในนิคมฯ ในการลดการเกิดของเสียและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่จากของเสียหรือวัสดุเหลือใช้ในโรงงาน

โครงการที่ 3 กนอ. สนับสนุนส่งเสริมการสร้างเครือข่ายโรงงานอุตสาหกรรมลดก๊าซเรือนกระจก โดย กนอ. จะสนับสนุนที่ปรึกษาเข้าให้คำแนะนำกับโรงงานอุตสาหกรรม สำรวจและประเมินศักยภาพการลดก๊าซเรือนกระจก

“ผลสำเร็จของโครงการในปีงบประมาณที่ผ่านมา เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์กระถางและอิฐประดับจากตะกอนชีวภาพระบบบำบัดน้ำเสียรวมของนิคมอุตสาหกรรม, การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ (Upcycling product) จากเปลือกลูกอมในโรงงานผลิตลูกอมและหมากฝรั่ง, การพัฒนาผลิตภัณฑ์ดูดซับกลิ่น จากระบบบำบัดอากาศเสียด้วยคาร์บอน (Activated carbon) และการพัฒนาเชื้อเพลิงขยะ (RDF) จากตะกอนระบบบำบัดน้ำเสียของโรงงานอุตสาหกรรมอาหาร”

นายวีริศ กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 พ.ย. 64)

Tags: , , , , ,
Back to Top