ORI คาดรับรู้กำไร ไทย ลีฟ ไบโอเทคโนโลยี Q2/65 พร้อมดันเข้าตลาดหุ้นปี 67

นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) เปิดเผยว่า ภายหลังการที่บริษัท ออริจิ้น เฮลท์แคร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทหลักในการดำเนินกลุ่มธุรกิจบริการสุขภาพ (Healthcare) เข้าลงทุนในบริษัท ไทย ลีฟ ไบโอเทคโนโลยี จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจด้านการผลิตและสกัดสาร CBD จากกัญชง โดยถือหุ้นในสัดส่วน 25% ของหุ้นสามัญทั้งหมด เพื่อรองรับการขยายตัวของตลาดผลิตภัณฑ์จากสารสกัด CBD จากกัญชง คาดว่าจะสามารถรับรู้กำไรตามสัดส่วนการถือหุ้นเข้ามาปีแรกในไตรมาส 2/65

สำหรับการเติบโตของบริษัท ไทย ลีฟ ไบโอเทคโนโลยี จำกัด คาดจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง หรือมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (Market cap) ที่ระดับ 25,000-30,000 ล้านบาทในปี 67 โดยตั้งเป้ามีรายได้รวมที่ประมาณ 2,000 ล้านบาท และจะมีกำไรที่ระดับ 1,000 ล้านบาทในปี 68

“กัญชงถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างทางเลือกใหม่ให้กับผู้บริโภค และกำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นอีกหนึ่งเมกะเทรนด์ที่น่าจับตามอง จึงคาดว่าการเข้าลงทุนในธุรกิจกัญชงกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญอย่างไทย ลีฟ จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ออริจิ้นในการขยายสู่ธุรกิจใหม่ มุ่งให้บริการด้านสุขภาพ (Healthcare) เช่น นำสารสกัด CBD มาประยุกต์ใช้ในการทำ Sleep Test เพื่อช่วยในการนอนหลับ และใช้เป็นส่วนผสมเวชสำอางค์ในธุรกิจความงาม ซึ่งจะสร้างการเติบโตและมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจเฮลท์แคร์ในระยะยาว” นายพีระพงศ์ กล่าว

นายยิ่งยศ จารุบุษปายน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย ลีฟ ไบโอเทคโนโลยี จำกัด กล่าวว่า บริษัทได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรที่แข็งแกร่งทั้ง ออริจิ้น เฮลท์แคร์ ในเครือ ORI, Cannapharma Investment Inc. บริษัทด้านการลงทุนจากแคนาดาที่เข้าลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพ ในธุรกิจกัญชง กัญชาทางการแพทย์ เทคโนโลยีการเกษตร (AgriTech) และไบโอเทคโนโลยีทั่วโลก, บริษัท เอราเลียน แคปปิตอล บริษัทการลงทุนจากสิงคโปร์, มหาวิทยาลัยคอร์เนล สหรัฐอเมริกา ด้านฝ่ายงานการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์กัญชง เพื่อร่วมกันดำเนินธุรกิจนำเข้าเมล็ดพันธุ์ ปลูก สกัด และพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัด CBD จากกัญชง แบบครบวงจร ครอบคลุมธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ

“จากความเชี่ยวชาญของทีมงานในธุรกิจด้านสุขภาพ เมื่อผสานกับความแข็งแกร่งของพันธมิตรรายใหญ่ จะเพิ่มศักยภาพ ในการดำเนินทุกกระบวนการตั้งแต่การปลูก การผลิต การสกัด การวิจัยและพัฒนามากขึ้น ทำให้เรามีเครือข่ายฐานลูกค้า เครือข่ายวัตถุดิบ และพันธมิตรในธุรกิจสุขภาพกว้างขึ้น จากความร่วมมือและผลักดันของทุกฝ่ายจะช่วยเสริมความแข็งแกร่ง ให้บริษัทเติบโตอย่างมั่นคง ท่ามกลางความท้าทายใหม่ๆ ในตลาดกัญชง จนสามารถขยายธุรกิจไปยังประเทศต่างๆ ทั่วอาเซียน” นายยิ่งยศ กล่าว

เบื้องต้นบริษัทวางแผนธุรกิจระยะ 5 ปี (65-69) มุ่งขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสม CBD จากกัญชงในระดับภูมิภาค และขยายสู่ระดับโลก เนื่องจากประเทศไทยมีศักยภาพสูงจากการเป็นศูนย์กลางในด้านต่างๆ รวมถึงจะเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ (Medical Hub) ของภูมิภาคอาเซียนในอนาคตที่จะสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล ภายใต้ 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่

1.ธุรกิจจำหน่ายน้ำมัน CBD (CBD Oil) นำน้ำมัน CBD จากกัญชง โดยจำหน่ายให้แก่ พันธมิตรทางธุรกิจ ผู้ประกอบการ ธุรกิจอาหาร ธุรกิจยา ธุรกิจสุขภาพ ที่ต้องการนำ CBD ไปใช้เป็นส่วนผสม เริ่มดำเนินการก่อนเป็นกลุ่มธุรกิจแรก

2.ธุรกิจผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มี สารสกัด CBD (CBD-based Products) จะมีการผลิตผลิตภัณฑ์ที่เรามีทรัพย์สินทางปัญญา ของพันธมิตรที่มีส่วนผสมสาร CBD สำหรับรับประทานกว่า 100 ชนิด เช่น เครื่องดื่ม แคปซูล อาหารเสริม ออกจำหน่าย

3.ธุรกิจผลิตภัณฑ์ทางยา (Pharmaceutical Products) จำหน่ายผลิตภัณฑ์ยา ที่มีส่วนผสมของสาร CBD

สำหรับกัญชงเป็นพืชที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง เนื่องจากสามารถนำส่วนประกอบของต้นมาต่อยอดเป็นสินค้าอุตสาหกรรมได้หลากหลายชนิด ตั้งแต่อาหาร ยา สิ่งทอ และเครื่องใช้ต่างๆ คาดว่าในปี 2570 ตลาดผลิตภัณฑ์จากพืชกลุ่มกัญชงทั่วโลกจะมีมูลค่าสูงถึง 18,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะเดียวกันนโยบายปลดล็อกกัญชงของรัฐบาลไทยเมื่อต้นปี 64 ทำให้ธุรกิจกัญชงได้รับความสนใจจากนักลงทุน และอุตสาหกรรมต่างๆ เกิดทั้งอุปสงค์และอุปทานใหม่อย่างต่อเนื่อง

ปัจจุบัน บริษัทได้รับการอนุญาตให้ดำเนินธุรกิจนำเข้าเมล็ดพันธุ์และเพาะปลูกกัญชง และได้รับอนุมัติแบบแปลนการ ก่อสร้างโรงงานสกัด CBD ตามมาตรฐาน GMP Pic/s (Pharmaceutical) จากทางคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างแล้ว ขณะเดียวกัน บริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาค้นคว้าวิจัยร่วมกับพันธมิตร ผู้เชี่ยวชาญ อย่างมหาวิทยาลัยคอร์เนล ประเทศสหรัฐอเมริกา ในด้านการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์กัญชง เพื่อนำไปพัฒนาและศึกษาต่อในทางการแพทย์ สำหรับพัฒนาออกมาเป็นผลิตภัณฑ์จากสารสกัด CBD ในกัญชง คาดว่าบริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้จากกลุ่มธุรกิจจำหน่ายน้ำมัน CBD ในปี 65 จากยอดขายรวมราว 750 ล้านบาท และผลิตแบรนด์สินค้าของตัวเองได้ภายในปี 66 อีกทั้งบริษัทยังตั้งเป้าหมายเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปี 67

นายเควิน แม็คโกวเวิร์น (Mr. Kevin McGovern) ผู้ก่อตั้งแม็คโกวเวิร์น เซ็นเตอร์ มหาวิทยาลัยคอร์เนล ประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า บริษัท ไทย ลีฟ ไบโอเทคโนโลยี จำกัด และมหาวิทยาลัยคอร์เนล จะร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์กัญชงเป็นระยะเวลา 3 ปี เพื่อพัฒนาสายพันธุ์กัญชงไทยสายพันธุ์ใหม่ โดยมีความเชื่อมั่นว่าสายพันธุ์กัญชงสายพันธุ์ใหม่ของไทยนี้ จะสามารถพัฒนา และช่วยลดตันทุน พร้อมทั้งยังเพิ่มผลผลิตให้แก่อุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์กัญชงได้ในอนาคต

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 ธ.ค. 64)

Tags: , , , , , , ,
Back to Top