B เพิ่มทุนขาย RO 1.5:1 ที่ราคาพาร์-แจกวอร์แรนต์ รองรับแผนปรับโครงสร้างธุรกิจ

บมจ.บี จีสติกส์ (B) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้นำเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติการลดทุนจดทะเบียนของบริษัท จำนวน 87,468,005.60 บาท จากเดิม 1,743,078,525.64 บาท เป็น 1,655,610,520.04 บาท โดยการตัดหุ้นสามัญที่ยังไม่ได้ออกจำหน่ายออกจำนวน 128,629,420 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.68 บาท

จากนั้นให้เพิ่มทุนจดทะเบียน 1,437,831,550.16 บาท ด้วยการออกหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 2,114,458,162 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.68 บาท เพื่อเสนอขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Right Offering) จำนวนไม่เกิน 1,409,638,775 หุ้น อัตราส่วน 1.5 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุน ราคาเสนอขายหุ้นละ 0.68 บาท

ส่วนหุ้นเพิ่มทุนที่จะเหลือจำนวนไม่เกิน 704,819,387 หุ้น จะรองรับการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิ B-W7 ที่จะจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นที่จองซื้อและได้รับจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน โดยไม่คิดมูลค่า อัตราส่วน 2 หุ้นสามัญใหม่ ต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ B-W7 ราคาการใช้สิทธิเท่ากับ 0.99 บาทต่อหุ้น และระยะเวลาใช้สิทธิ 2 ปี นับแต่วันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ

บริษัทจะกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2565 ในวันที่ 27 ธ.ค. 64 (Record Date) และกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน (Record Date) วันที่ 27 ธ.ค.64 และจัดการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2565 ในวันที่ 21 ม.ค.65 เวลา 14.00 น.ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์

การออกหุ้นเพิ่มทุนเสนอขายให้กับผู้ถือหุ้นครั้งนี้ คาดว่าจะได้รับเงินประมาณ 968,554,366.77 บาท เพื่อนำไปลงทุนสำหรับขยายกิจการ เนื่องจากบริษัทมีแนวโน้มการขยายตัวธุรกิจอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งแผนการลงทุนในอนาคตจึงมีความจำเป็นต้องจัดหาแหล่งเงินทุน ดังนั้น บริษัทจึงได้ออกหุ้นเพิ่มทุนนี้เพื่อเพิ่มสภาพคล่องและเงินทุนหมุนเวียนให้กับบริษัท รวมทั้งช่วยเสริมให้บริษัทมีฐานเงินทุนที่เข้มแข็งเพื่อสร้างความพร้อมเพื่อรองรับกับการขยายการลงทุนในอนาคต

นางสาวสุทธิรัตน์ ลีสวัสดิ์ตระกูล รองประธานกรรมการ B เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติให้บริษัทมีการปรับโครงสร้างธุรกิจ เพื่อการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืน โดยให้โฟกัส 2 ธุรกิจหลักคือ กลุ่มธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือ Green Logistics และธุรกิจสาธารณูปโภคที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมหรือ Green Utilities โดยตั้งเป้าหมายกลุ่ม B เป็นธุรกิจสีเขียวภายใน 5 ปี

ทั้งนี้เพื่อให้แผนการปรับโครงสร้างธุรกิจของบริษัท มีความคล่องตัวและประสบผลสำเร็จ บริษัทจำเป็นต้องเตรียมแหล่งเงินทุนเพื่อรองรับแผนการลงทุนในอนาคต ซึ่งการเพิ่มทุนในครั้งนี้เป็นแบบมีวัตถุประสงค์ชัดเจน คือสัดส่วน 30% ของเงินเพิ่มทุน จะใช้ลงทุนสำหรับการขยายกิจการ ซึ่งมีระยะเวลาตั้งแต่ปี 65-69 สัดส่วน 30% ของเงินเพิ่มทุน จะใช้ลงทุนในโครงการด้าน Green Logistics ซึ่งมีระยะเวลาตั้งแต่ปี 65-69 และ 30% ลงทุนจะใช้ลงทุนในโครงการด้าน Green Utilities มีแผนการใช้เงินเพิ่มทุนตั้งแต่ปี 65-69 ส่วนที่เหลืออีก 10% ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

“ธุรกิจของ B มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง บริษัทจำเป็นต้องจัดหาแหล่งเงินทุน รองรับแผนการลงทุนในอนาคต เพื่อเตรียมสภาพคล่องและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน รวมทั้งยังช่วยเสริมให้บริษัทมีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่ง และที่สำคัญการขยายการลงทุนใหม่ในอนาคต จะส่งผลให้บริษัทมีความสามารถในการทำกำไรและเติบโตอย่างยั่งยืน”

นางสาวสุทธิรัตน์ กล่าว

อย่างไรก็ตามในส่วนของผลการดำเนินงานของบริษัทยังมีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง โดยงวด 9 เดือนแรกของปี 64 บริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 109.464 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 442% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปี 63 ที่ขาดทุน 32.045 ล้านบาท และมี EBITDA 145.29 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนที่ 12.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 132.3 ล้านบาท หรือ 1,022%

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ธ.ค. 64)

Tags: , , , , , ,
Back to Top