รัฐบาลหนุนพัฒนา EEC สู่เมืองน่าอยู่ ยกระดับคุณภาพชีวิต/เอกชนห่วงขาดแรงงาน

นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข และ ส.ส.ระยอง 4 สมัย กล่าวในงานสัมมนา”แนวทางการร่วมบูรณาการเพื่อพัฒนา EEC สู่เมืองน่าอยู่อัจฉริยะ” ว่า รัฐบาลมีนโยบายที่จะพัฒนาพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน โดยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ทั้งสนามบิน ท่าเรือ โครงข่ายรถไฟ ขณะเดียวกันก็ต้องมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนใน 3 จังหวัดให้ดีขึ้นด้วย โดยตนเองได้เข้ามาดูแลเรื่องการพัฒนาระบบสาธารณสุข เช่น การปรับปรุงโรงพยาบาลปลวกแดงในจังหวัดระยองที่เตรียมเปิดให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุน (PPP) เป็นเวลา 30 ปี, การจัดระบบการแพทย์ฉุกเฉินให้มีความทันสมัยมีระบบขนส่งผู้ป่วยด้วยเฮลิคอปเตอร์ เป็นต้น

น.ส.พจณี อรรถโรจน์ภิญโญ รองเลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) กล่าวว่า การพัฒนาเมืองน่าอยู่อัจฉริยะในพื้นที่ EEC จะมีมีทั้งสองส่วน คือ เมืองเดิมที่มีอยู่ กับเมืองที่สร้างขึ้นใหม่ โดยจะมีการเชื่อมโยงเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาในเรื่องต่างๆ เช่น การประหยัดพลังงาน

นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา กล่าวถึงความสำคัญของเมืองน่าอยู่อัจฉริยะว่า คงต้องดำเนินการเพื่อพัฒนาระบบเศรษฐกิจของประเทศต่อเนื่องจากโครงการอีสเทิร์นซีบอร์ด แต่ต้องดูแลไม่ให้เกิดปัญหาตามมา เช่น เรื่องสิ่งแวดล้อม โดยทุกคนต้องเคารพในสิทธิและหน้าที่ แต่การพัฒนาอาจไม่ราบรื่นเพราะมีการอ้างถึงความเป็นประชาธิปไตย ซึ่งรัฐบาลต้องตัดสินให้รอบคอบ ไม่มีทุจริต และชี้แจงให้เกิดความเข้าใจ

“ความเป็นเมืองน่าอยู่อัจฉริยะ ต้องมองพร้อมกันไป ไม่ใช่พัฒนาแค่วัตถุ หรือเทคโนโลยี ซึ่งในที่สุดแล้วก็ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของคนที่ต้องรู้ถึงสิทธิและหน้าที่ ต้องดูแลไม่ให้สุจริตชนได้รับความเดือดร้อน”

นายชวน กล่าว

ประธานรัฐสภา ยังฝากผู้ที่เกี่ยวข้องให้ดูแลเรื่องสถาปัตยกรรมของสิ่งก่อสร้างในพื้นที่ EEC โดยคำนึงถึงวัฒนธรรมความเป็นไทย รวมถึงการดูแลสิ่งแวดล้อม เช่น การปลูกต้นไม้ การตัดแต่งต้นไม้ การควบคุมฝุ่น PM2.5 เป็นต้น

นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานกรรมการ บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) กล่าวว่า พื้นที่ EEC จะเป็นเขตอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสูงที่มีการใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติแทนกำลังคน และมีการวางโครงข่ายถนนและโครงข่ายรถไฟความเร็วสูงจากท่าเรือแหลมฉบังไปยังพื้นที่ภาคอีสาน การพัฒนาเมืองน่าอยู่อัจฉริยะเพื่อรองรับการย้ายถิ่น ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาความไม่พร้อมจนเกิดปัญหาชุมชนแออัดตามมา

สิ่งที่น่าเป็นห่วงและต้องเร่งแก้ไขคือการขาดแคลนแรงงานในอนาคต เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยมีเด็กเกิดใหม่ในอัตราต่ำเพียงปีละประมาณ 6 แสนคนเท่านั้น จากปกติปีละ 1.2 ล้านคน ซึ่งอัตราการเกิดดังกล่าวลดลง 50% จากเมื่อ 20 ปีก่อน ส่วนหนึ่งเป็นผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 และค่านิยมของคนไทยที่เปลี่ยนไปจากเดิม เรื่องนี้ต้องเสนอเป็นวาระแห่งชาติเพื่อเร่งแก้ไข

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ข้อห่วงใยว่าคนในพื้นที่ EEC จะได้รับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมก่อนหน้านี้จะหมดไป เพราะการลงทุนในอุตสาหกรรมแนวใหม่จะใช้เทคโนโลยีขั้นสูง และคำนึงถึงเรื่องผลกระทบสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมากตามแนวทาง BCG ในทางกลับกันคิดว่าคนที่อื่นคงต้องอิจฉาคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ EEC มากกว่า

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ธ.ค. 64)

Tags: , , ,
Back to Top