สศก. คาดผลผลิตทุเรียน-มังคุด-เงาะ-ลองกองรอบแรกปี 65 กว่า 1.13 ล้านตัน-มังคุดพุ่ง 81%

นายชัฐพล สายะพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 6 ชลบุรี (สศท.6) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยถึง การจัดทำข้อมูลปริมาณการผลิตไม้ผลเอกภาพรอบที่ 1 ปี 65 โดยล่าสุดคณะทำงานสำรวจข้อมูลไม้ผลเศรษฐกิจภาคตะวันออก ได้ติดตามข้อมูลการพยากรณ์ไม้ผลตะวันออกของสินค้า 4 ชนิด ได้แก่ ทุเรียน มังคุด เงาะ และลองกอง ในพื้นที่ 3 จังหวัด (จันทบุรี ระยอง ตราด) คาดว่าจะมีประมาณ 1,139,393 ตัน เพิ่มขึ้นจากปี 64 ที่มีจำนวน 900,126 ตัน (เพิ่มขึ้น 239,267 ตัน หรือ 27%) เนื่องจากปีนี้สภาพอากาศเอื้ออำนวย ช่วงปลายปี 64 เริ่มหนาวเย็นเร็ว ส่งผลต่อการออกดอกติดผลของไม้ผล ทั้งนี้ คาดว่าผลผลิตจะเริ่มออกสู่ตลาดได้ตั้งแต่กลางเดือนก.พ. ต่อเนื่องจนถึงกลางเดือนก.ย. 65 ซึ่งผลผลิตจะออกชุกช่วงเดือนพ.ค. 65

สำหรับเนื้อที่ยืนต้นของไม้ผลทั้ง 4 ชนิด มีจำนวน 779,391 ไร่ เพิ่มขึ้นจากปี 64 ที่มีจำนวน 743,593 ไร่ (เพิ่มขึ้น 35,798 ไร่ หรือ 5%) โดยทุเรียนเพิ่มขึ้นประมาณ 11% ส่วนลองกองลดลง 5% เงาะลดลง 3% และมังคุดลดลง 1% เนื่องจากเกษตรกรปรับเปลี่ยนมาปลูกทุเรียนมากขึ้น

ส่วนเนื้อที่ให้ผล ของไม้ผลทั้ง 4 ชนิด มีจำนวน 642,280 ไร่ เพิ่มขึ้นจากปี 64 ที่มีจำนวน 635,761 ไร่ (เพิ่มขึ้น 6,519 ไร่ หรือ 1%) โดยทุเรียนเพิ่มขึ้น 4% ส่วนลองกองลดลง 5% เงาะลดลง 2% และมังคุดลดลง 1% เนื่องจากในสวนผสมเกษตรกรจะสางต้นผลไม้ทั้ง 3 ชนิดออกเพื่อปลูกทุเรียนแซมและสางออก เพื่อให้ต้นทุเรียนมีทรงพุ่มรับแสงแดดสามารถสังเคราะห์แสงได้เต็มที่

ทั้งนี้ ผลผลิตรวม ทั้ง 4 ชนิด คาดว่าทุเรียน มังคุด และเงาะจะเพิ่มขึ้น โดยมังคุดเพิ่มขึ้นมากที่สุดอยู่ที่ 81% เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นช่วงปลายปี 64 และการได้พักต้นจากการไม่ออกดอกติดผลในปีที่แล้ว ทำให้ต้นมังคุดได้สะสมอาหารเต็มที่ รองลงมาทุเรียนเพิ่มขึ้น 25% และเงาะเพิ่มขึ้น 5%

ส่วนลองกองลดลง 9% เนื่องจากปัญหาราคาตกต่ำอย่างต่อเนื่อง และปัญหาการส่งออกของตลาดปลายทางประเทศเวียดนาม มียอดรับซื้อค่อนข้างน้อย ส่งผลให้ลองกองส่วนใหญ่จะขายภายในประเทศ รวมถึงปัญหาด้านแรงงานในการตกแต่งช่อลองกองค่อนข้างหายาก ซึ่งหากไม่แต่งช่อลองกอง ช่อจะไม่สวยและจะถูกนำไปขายเป็นลองกองตกเกรด (กระซ้า) ราคาจะต่ำมาก เกษตรกรจึงมีการโค่นและสางลองกองที่ปลูกเป็นพืชแซมออกตลอดทุกๆ ปี

ด้านผลผลิตต่อไร่ ทุเรียน มังคุด และเงาะ คาดว่าจะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะมังคุด เนื่องจากปีนี้สภาพอากาศเอื้ออำนวย มีอายุต้นช่วงให้ผลผลิตสูง และมีปริมาณน้ำมีเพียงพอใช้เลี้ยงต้น ดอก ผลผลิต ประกอบกับราคาจูงใจทำให้เกษตรกรเอาใจใส่ดูแลรักษามากขึ้น ส่วนลองกอง คาดว่าจะลดลง เนื่องจากส่วนใหญ่เกษตรกรจะปลูกเป็นพืชแซม เป็นพืชผลพลอยได้ในสวน การดูแลรักษาจะน้อยกว่าพืชอื่น และปัจจุบันมีเกษตรกรที่ปลูกลองกองเป็นพืชเดี่ยวค่อนข้างน้อย

ขณะที่ทุเรียนออกดอกแล้ว 61.52% ส่วนใหญ่อยู่ในระยะเหยียดตีนหนู และเริ่มเป็นมะเขือพวง โดยทุเรียนพันธุ์เบาจะเริ่มติดดอกช่วงปลายเดือนต.ค. 64 และทุเรียนพันธุ์กระดุมและพันธุ์หมอนทอง ที่ใช้สารกระตุ้นการออกดอก จะเริ่มทยอยเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ตั้งแต่เดือนก.พ. 65 เป็นต้นไป ซึ่งผลผลิตจะออกมากที่สุดช่วงปลายเดือนเม.ย. ต่อเนื่องถึงเดือนพ.ค. 65

ส่วนเงาะยังออกดอกน้อยมาก 0.25% ส่วนใหญ่อยู่ในระยะเตรียมใบและเริ่มตั้งช่อดอก เริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ตั้งแต่ปลายเดือนมี.ค. ถึงต้นเดือนส.ค. 65 ผลผลิตจะออกมากที่สุดช่วงกลางเดือนพ.ค. ต่อเนื่องถึงต้นเดือนมิ.ย. 65 โดยเดือนมี.ค. ผลผลิตเงาะสีทองของจังหวัดตราดจะเก็บเกี่ยวได้เร็วกว่าทุกพื้นที่

สำหรับมังคุด ออกดอกแล้วเล็กน้อย 1.15% ส่วนใหญ่ยังอยู่ในระยะเตรียมใบ คาดว่ามังคุดจะเริ่มเก็บเกี่ยวได้เล็กน้อยตั้งแต่กลางเดือนมี.ค. 65 เป็นต้นไป และจะเก็บเกี่ยวได้มากช่วงปลายเดือนพ.ค. ต่อเนื่องถึงกลางเดือนมิ.ย. 65 ส่วนลองกอง ยังออกดอกน้อยมาก 0.50% ส่วนใหญ่อยู่ในระยะเตรียมต้น เตรียมใบ ลองกองสามารถออกดอกได้ตลอดทั้งปีหากต้นสมบูรณ์ โดยจะเริ่มเก็บเกี่ยวได้ตั้งแต่ปลายเดือนเม.ย. ถึงปลายเดือนก.ย. 65 และผลผลิตจะออกมากที่สุดช่วงปลายเดือนมิ.ย. ต่อเนื่องถึงกลางเดือนก.ค. 65

สำหรับแนวทางการบริหารจัดการผลไม้ของคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) ได้เน้นการบริหารจัดการข้อมูลเพื่อเชื่อมโยงกับตลาดผู้ซื้ออย่างรวดเร็ว ด้วยช่องทางการค้าออนไลน์ โดยกระทรวงเกษตรฯ เป็นหน่วยงานหลักด้านการผลิตให้ได้คุณภาพมาตรฐาน GAP ส่วนกระทรวงพาณิชย์หน่วยงานหลักด้านตลาด จะสนับสนุนการกระจายผลผลิต ออกนอกพื้นที่ให้มีความคล่องตัว ผลักดันการส่งออก การเปิดตลาดต่างประเทศ ส่งเสริมการจำหน่ายผลผลิตผ่านช่องทางสมัยใหม่สอดคล้องกับ Thailand 4.0 โดยกระตุ้นการซื้อขายออนไลน์มากขึ้น

ในส่วนของการบริหารจัดการช่วงสถานการณ์โควิด สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 จังหวัดจันทบุรี ซึ่งดูแลในเรื่องการผลิตสินค้าแบบ GAP เน้นสินค้าคุณภาพ มีการควบคุมการผลิตตามมาตรฐานการผลิตที่ถูกสุขลักษณะ มีการตรวจแหล่งที่ปลูกของเกษตรกร และการตรวจล้งส่งออกเพื่อให้มีมาตรฐานการป้องกันเชื้อโควิด มีการป้องกันพนักงานคัดบรรจุและอาคารสถานที่คัดบรรจุได้มาตรฐานตามหลัก GMP โดยมีการสุ่มตรวจจากประเทศผู้นำเข้าจากจีนตั้งแต่ก่อนจะมีการส่งสินค้าเข้าประเทศจีน

อย่างไรก็ตาม สศท.6 จะติดตามรายงานสถานการณ์อย่างใกล้ชิดในครั้งที่ 2 ช่วงต้นเดือนก.พ. 65 และมีกำหนดลงพื้นที่ติดตามสำรวจข้อมูลสถานการณ์การออกดอก ติดผล และเก็บเกี่ยวผลผลิตจริงกับเกษตรกรผู้ปลูกไม้ผลทั้ง 4 ชนิด ในช่วง เดือนมี.ค. 65 เพื่อใช้ข้อมูลวางแผนบริหารจัดการผลไม้ร่วมกับคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในภาคตะวันออกต่อไป

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ธ.ค. 64)

Tags: , ,
Back to Top