ตำรวจคุมสถานการณ์ได้แล้ว หลังกลุ่มหนุนทรัมป์บุกสภาขวางประกาศชัยชนะไบเดน

ภาพ: รอยเตอร์

เจ้าหน้าที่ตำรวจสหรัฐสามารถยึดคืนพื้นที่ในอาคารรัฐสภาได้สำเร็จแล้วในขณะนี้ ซึ่งใช้เวลาหลายชั่วโมงหลังจากกลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้บุกเข้าไปในอาคารรัฐสภา เพื่อขัดขวางการประกาศรับรองชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีของนายโจ ไบเดน โดยรายงานระบุว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้แก๊สน้ำตาเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ตึงเครียดในอาคารรัฐสภา

เจ้าหน้าที่ฝ่ายอารักขาอาคารรัฐสภายืนยันว่า หญิงคนหนึ่งที่ถูกยิงในอาคารรัฐสภานั้นขณะนี้เสียชีวิตแล้ว นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังพบวัตถุระเบิดอย่างน้อย 2 ลูกบนพื้นของอาคาร

กลุ่มผู้ประท้วงได้บุกเข้าไปจนถึงด้านในของอาคารรัฐสภา รวมถึงห้องประชุมวุฒิสภา โดยผู้ประท้วงรายหนึ่งขึ้นไปยืนบนเก้าอี้นั่งสำหรับประธานวุฒิสภา และตะโกนว่า “ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งครั้งนี้!”

เจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความปลอดภัยเปิดเผยว่า มีผู้ประท้วงที่อยู่ในอาคารรัฐสภาอย่างน้อย 1 รายถูกยิง และพบว่ามีวัตถุระเบิดอย่างน้อย 1 ลูกอยู่บนพื้นของอาคารรัฐสภาทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายอารักขาได้พาตัวรองปธน.ไมค์ เพนซ์ ซึ่งเป็นประธานในการประกาศผลการนับคะแนนของคณะผู้เลือกตั้ง ออกไปจากห้องประชุมวุฒิสภา และได้พานางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎร รวมทั้งเจ้าหน้าที่คนสำคัญรายอื่นๆ ไปยังสถานที่ที่ปลอดภัย

ทางด้านปธน.ทรัมป์ได้ออกมาเคลื่อนไหวทันทีที่ภาพข่าวการบุกอาคารรัฐสภาถูกเผยแพร่ออกไป โดยกล่าวว่า “พวกคุณต้องกลับบ้าน กลับบ้านเถิด เรารักคุณ คุณเป็นคนพิเศษ” แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ทรัมป์ยังเน้นย้ำเรื่องโกงการเลือกตั้ง และยังไม่ยอมประกาศความพ่ายแพ้

ทางด้านวุฒิสมาชิกเจฟฟ์ เมอร์คลีย์ ได้ทวีตข้อความพร้อมกับโพสต์ภาพว่า “หีบบรรจุคะแนนของคณะผู้เลือกตั้งได้ถูกนำออกมาจากห้องประชุมวุฒิสภาได้สำเร็จ ซึ่งหากเจ้าหน้าที่ไม่รีบนำออกมา กลุ่มผู้ประท้วงก็อาจจะนำไปเผา”

นางมูเรียล บาวเซอร์ นายกรัฐเทศมนตรีกรุงวอชิงตัน ได้ประกาศเคอร์ฟิวในกรุงวอชิงตัน เริ่มตั้งแต่เวลา 18.00 น.ของวันพุธตามเวลาท้องถิ่น ไปจนถึงวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่น

ภาพ: รอยเตอร์

เหตุจลาจลที่เหนือความคาดหมายในครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สภาคองเกรสได้จัดการประชุมร่วมวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร เพื่อนับผลคะแนนการเลือกตั้งประธานาธิบดีจากคณะผู้เลือกตั้ง โดยรองปธน.ไมค์ เพนซ์ ในฐานะประธานวุฒิสภาโดยตำแหน่ง เป็นประธานการประชุมดังกล่าว และจะเป็นผู้ประกาศผลการนับคะแนนอย่างเป็นทางการ โดยผู้ที่ได้รับคะแนนเสียงจากคณะผู้เลือกตั้งไม่น้อยกว่า 270 เสียง จากทั้งหมด 538 เสียง จะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ ก่อนที่จะเข้าทำพิธีสาบานตนในวันที่ 20 ม.ค.

ที่ผ่านมา การนับคะแนนการเลือกตั้งประธานาธิบดีจากคณะผู้เลือกตั้งในสภาคองเกรสแทบไม่ได้รับความสนใจจากสาธารณชน เนื่องจากผู้ที่พ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐมักจะยอมรับความพ่ายแพ้หลังการเลือกตั้ง แต่ไม่ใช่ในการเลือกตั้งครั้งนี้ เนื่องจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยังคงมีความพยายามที่จะขัดขวางการประกาศให้นายโจ ไบเดนเป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง โดยอ้างว่ามีการโกงการเลือกตั้ง แม้ไม่มีหลักฐานยืนยันแต่อย่างใดก็ตาม

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ม.ค. 64)

Tags: , , , , , , ,
Back to Top