ธ.สแตนดาร์ดฯ คาด GDP ไทยปี 64 โต 3.1% รับมาตรการกระตุ้นศก.-ฉีดวัคซีนหนุน

นายทิม ลีฬหะพันธุ์ นักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารแสตนดาร์ดชาร์เตอร์ด(ไทย) คาดเศรษฐกิจไทย (GDDP) ปีนี้จะเติบโต 3.1% โดยมองว่าการเริ่มให้มีการฉีดวัคซีนไวรัสโควิด-19 น่าสนใจ เนื่องจากคาดว่าภาครัฐจะสามารถฉีดวัคซีนได้ 50% ของจำนวนประชาชนทั้งประเทศ ซึ่งจะเริ่มฉีดได้ในวันที่ 14 ก.พ.นี้ และอาจจะมีจำนวนผู้ฉีดวัคซีนมากกว่าที่ภาครัฐบาลคาดการณ์ไว้หากประชาชนบางส่วนเข้ารับการฉีดวัคซีนผ่านโรงพยาบาลเอกชน โดยมองว่าวัคซีนจะช่วยทุกๆอย่างปรับตัวดีขึ้น

ในส่วนของนโยบายการคลังยังคงมีมาตรการออกมาเพื่อที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่อย่างไรก็ตามอยากให้เพิ่มขนาดความช่วยเหลือมากยิ่งขึ้นกว่านี้ เนื่องจากในปีนี้ยังคงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อยู่ ซึ่งมองว่ายังมีโอกาสความเป็นไปได้เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยมีหนี้สาธารณะที่ 50%

ขณะที่หลังจากมีการใช้มาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มูลค่า 2 แสนล้านล้านบาท สำหรับการให้เงินจำนวน 3,500 บาท เป็นระยะเวลา 2 เดือน จะส่งผลให้หนี้สาธารณะของประเทศไทยขึ้นไปที่ระดับ 57% ซึ่งประเทศไทยมีกำหนดไว้ที่ไม่เกิน 60%

สำหรับการท่องเที่ยวมองว่ายังคงต้องใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 3-5 ปี ถึงจะกลับสู่ภาวะปกติ โดยมองว่าการที่เศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวได้ยังคงต้องอาศัยการลงทุนของภาครัฐ โดยเฉพาะในส่วนของโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพื่อที่จะกระตุ้นการลงทุนให้กลับมาเป็นบวก

ขณะที่การเมืองในประเทศยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด โดยต้องติดตามว่าหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จะมีการเมืองที่เกิดขึ้นนอกสภาหรือไม่

นายทิม กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันพุธที่ 3 ก.พ. นี้ คาดว่าจะมีการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5% และจะคงระดับนี้ไว้ตลอดทั้งปี แต่อย่างไรก็ตามหากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 มีมากขึ้นและหนักขึ้น เงินบาทแข็งค่ามาก การเมืองเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินนโยบายภาครัฐ ก็มีโอกาสที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก

ในส่วนของทิศทางค่าเงินบาทของไทยมองว่าจะยังคงแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง โดยคาดกรอบเงินบาทอยู่ที่ 29.00 -29.75 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากสภาพคล่องทั่วโลกยังคงมีมากอยู่ ในขณะที่ประเทศสหรัฐเตรียมที่จะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงมาต่อเนื่องด้วย

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 ม.ค. 64)

Tags: , , , , ,
Back to Top