KBANK บวก 4.08% สวนตลาด โบรกฯ มองปีนี้กำไรโดดเด่น

หุ้น KBANK บวก 4.08% มาอยู่ที่ 127.50 บาท เพิ่มขึ้น 5.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 3,179 ล้านบาท เมื่อเวลา 14.44 น. โดยเปิดตลาดที่ 126.50 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 128.00 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 124.00 บาท

นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า หุ้นธนาคารกสิกรไทย (KBANK) มีความโดดเด่นเมื่อเทียบกับธนาคารอื่น คือ แนวโน้มการเติบโตของกำไรในปี 64 ที่คาดว่าจะทำได้ดีถึง 12% มากกว่ากำไรเฉลี่ยของกลุ่มในปี 64 ที่เติบโต 6% จากแรงกดดันของการตั้งสำรองฯที่ลดลงไปมากในปีนี้ หลังจากปีก่อนตั้งสำรองฯไปมากแล้ว

และสิ่งที่ทำให้ KBANK ยังคงมีความสามารถในการทำกำไรได้ดี คือ การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ที่รวดเร็วเมื่อเทียบกับธนาคารใหญ่รายอื่น ส่งผลให้เมื่อภาวะเศรษฐกิจเกิดการเปลี่ยนแปลงธนาคารสามารถปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกันได้เร็ว ช่วยสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจ และสร้างความโดดเด่นกว่าธนาคารอื่นๆ

อีกทั้งเป็นหุ้นธนาคารที่นักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจค่อนข้างมากในช่วงนี้ โดยได้ปรับคำแนะนำจากถือ เป็นซื้อ และเพิ่มราคาเป้าหมายมาที่ 148 บาท/หุ้น จากเดิม 125 บาท/หุ้น

สำหรับเป้าหมายทางการเงินของธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ในปี 64 ที่ประกาศออกมาเช้านี้ ใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ โดยเฉพาะการเติบโตของสินเชื่อเติบโต 4-6% จากที่ประเมินไว้ 5.5% ส่วนใหญ่มาจากกลุ่มสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ หลังจากธนาคารได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์มาเน้นปล่อยสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่มากขึ้นตั้งแต่ปีก่อน เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ยังคงมีความต้องการใช้สินเชื่ออีกมาก และมีความเสี่ยงไม่สูงเมื่อเทียบกับกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอีที่ธนาคารชะลอการปล่อยสินเชื่อไปแล้ว

ขณะที่มุมมองของสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของธนาคารที่คาดว่าปีนี้จะเพิ่มขึ้นมาที่ 4-4.5% จากปีก่อนอยู่ที่ 3.9% ก็เป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ที่ 4.3% โดยแนวโน้ม NPL ที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 แต่สิ่งที่จะต้องติดตาม คือ การบริหารจัดการ NPL ซึ่งปกติ KBANK จะใช้รูปแบบผสมผสาน ทั้งบริหารจัดการเองและการตัดขาย NPL ออกไป ซึ่งจะต้องติดตามว่าปีนี้จะทำอย่างไร แม้ว่ากลุ่มลูกค้าที่เข้ามาตรการช่วยเหลือส่วนใหญ่จะเริ่มกลับมาชำระหนี้ได้ก็ตาม

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า เป้าหมายของ KBANK ที่ประกาศออกมาถือว่ามีความท้าทายและต้องติดตามการดำเนินงานของธนาคารต่อเนื่อง ซึ่งมีความน่าสนใจว่าธนาคารจะมีแนวทางในการดำเนินกลยุทธ์อย่างไร โดยเฉพาะการเติบโตของสินเชื่อที่ตั้งเป้าโต 4-6% ซึ่งสวนทางกับที่ประเมินไว้ว่าจะติดลบ 4.5% จากภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงชะลอตัว และได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ระลอกใหม่ ทำให้การดำเนินกลยุทธ์เพื่อทำให้สินเชื่อเติบโตขึ้นค่อนข้างมีความท้าทาย

การฟื้นตัวขึ้นของสินเชื่อจะส่งผลต่อแนวโน้มการปรับประมาณการกำไรของธนาคารเพิ่มขึ้นจากเดิมที่คาดว่ายังมีแนวโน้มลดลงจากปีก่อน ทำให้ KBANK กลับมาเป็นหุ้นกลุ่มธนาคารที่มีความน่าสนใจ และเป็นธนาคารที่สามาถปรับกลยุทธ์ให้ผลงานฟื้นตัวกลับมาได้อย่างเร็ว ซึ่งหากมีการปรับประมาณการกำไรพลิกกลับมาเติบโตขึ้น ก็จะส่งผลต่อทิศทางของราคาเป้าหมายที่จะเพิ่มขึ้นมาที่ 130 บาท/หุ้น จากเดิมที่ 126 บาท/หุ้น

ขณะที่ NPL ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องติดตามในปี 64 ต่อเนื่องว่าจะมีทิศทางอย่างไร ซึ่งก็มองในทิศทางเดียวกับทางธนาคารว่าจะยังเพิ่มขึ้นต่อจากปีก่อน โดยในปีนี้จะต้องดูว่าธนาคารจะมีแนวทางการบริหารจัดการคุณภาพหนี้อย่างไรในปี 64 ภายใต้ภาวะความเสี่ยงจากโควิด-19 ที่มากระทบ ส่วนการตั้งสำรองฯที่อาจกดดันน้อยลงในปีนี้หลังจากที่ตั้งสำรองฯไปมากแล้วในปีก่อน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ม.ค. 64)

Tags: , , , , , , ,
Back to Top