หุ้นไทยปิดบวก 1.23 จุด กลุ่มแบงก์-พลังงานหนุนระหว่างรอมาตรการกระตุ้นศก.สหรัฐ

  • ตลาดหลักทรัพย์ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,482.98 จุด เพิ่มขึ้น 1.23 จุด (+0.08%) มูลค่าการซื้อขาย 77,840.06 ล้านบาท
  • การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,492.39 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,477.88 จุด
  • ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 594 หลักทรัพย์ ลดลง 893 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 475 หลักทรัพย์

นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บล.เคทีบีเอสที กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้นมาได้เล็กน้อยในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในยุโรปและดาวโจนส์ฟิวเจอร์สเคลื่อนไหวในแดนบวก ระหว่างที่นักลงทุนรอติดตามความคืบหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐที่คาดว่าจะเข้าสภาภายใน 2-3 วันนี้ ส่งผลให้ตลาดสหรัฐเป็นลักษณะของ Wait & See ไป และตลาดบ้านเราเงียบตามไปด้วย

แต่ตลาดหุ้นไทยยังได้แรงหนุนหุ้นกลุ่มธนาคารหลังคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และยังมีมาตรการต่าง ๆ ที่ช่วยให้การดำเนินธุรกิจของภาคธนาคารดีขึ้น นอกจากนี้ กลุ่มพลังงานยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่หุ้นกลุ่มอื่นจะเผชิญแรงขายทำกำไรออกมาบ้าง อย่างกลุ่มโรงไฟฟ้า ทำให้ตลาดฯบวกได้ไม่มาก และยังมีการเวียนกลุ่มเล่นด้วย

แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (5 ม.ค.) นายมงคล กล่าวว่า ตลาดฯ คงแกว่งไซด์เวย์ในลักษณะ Wait & See ในช่วงรอความคืบหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯด้วย ทั้งจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐ และการจ้างงานนอกภาคเกษตร รวมถึงจับตาอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) และ Dollar Index หากขยับขึ้นก็จะไม่เป็นผลดีต่อตลาดหุ้น

พร้อมให้แนวรับ 1,470 จุด ส่วนแนวต้าน 1,495 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

BBL มูลค่าการซื้อขาย 5,464.03 ล้านบาท ปิดที่ 120.50 บาท เพิ่มขึ้น 5.50 บาท

PTT มูลค่าการซื้อขาย 3,535.57 ล้านบาท ปิดที่ 38.25 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 3,207.79 ล้านบาท ปิดที่ 135.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท

IVL มูลค่าการซื้อขาย 2,680.59 ล้านบาท ปิดที่ 39.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท

SCB มูลค่าการซื้อขาย 2,107.51 ล้านบาท ปิดที่ 96.75 บาท ลดลง 0.25 บาท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 ก.พ. 64)

Tags: , ,
Back to Top