ไทยพบผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ 72 ราย ในปท.21-ตรวจเชิงรุก 48-ตปท. 3

  • ศบค.สรุปยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในไทย วันนี้ (11.30 น.)
  • ผู้ติดเชื้อสะสม 24,786 คน (+72)
    • เป็นผู้ป่วยรายใหม่จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ = 21 ราย
    • เป็นผู้ติดเชื้อจากการตรวจเชิงรุกในชุมชน = 48 ราย
    • เป็นผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศอยู่ในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) = 3 ราย
    • เป็นผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศไม่เข้าสถานที่กักกัน = 0 ราย
  • รักษาหายแล้ว 23,563 คน (+680)
  • เสียชีวิตสะสม 82 คน (+0)

ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 72 ราย ประกอบด้วย ผู้ติดเชื้อในประเทศจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯ 21 ราย จากค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 48 ราย ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าพักในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 3 ราย

ทั้งนี้ จำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมในประเทศล่าสุดอยู่ที่ 24,786 ราย แบ่งเป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อภายในประเทศ 8,098 ราย และการตรวจคัดกรองเชิงรุก 14,038 ราย ส่วนผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 2,650 ราย โดยมีผู้ป่วยรักษาหายแล้ว 23,563 ราย เพิ่มขึ้น 680 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสม 82 ราย

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยว่า การตรวจคัดกรองเชิงรุกภายในชุมชนขณะนี้ เริ่มพบจำนวนผู้ติดเชื้อลดลงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นที่สมุทรสาคร กรุงเทพฯ และปทุมธานี ซึ่งสถานการณ์ทำให้เบาใจได้ แต่คงยังไม่สามารถวางใจ และยังต้องการ์ดไม่ตกกันต่อไป

นอกจากนี้ ที่ประชุม ศบค.ชุดเล็กวันนี้ ได้มีการพิจารณาและวิเคราะห์ไทม์ไลน์การติดเชื้อโควิด-19 ในกลุ่มก้อนของหอพักจุฬานิวาส ซึ่งมีจำนวนผู้ติดเชื้อรวมทั้งหมด 22 คน ซึ่งส่วนใหญ่ในนี้เป็นพนักงานรักษาความปลอดภัย (รปภ.) นั้น พบว่าจุดที่เป็นประเด็นน่าสนใจและเชื่อว่าจะเป็นสาเหตุให้เกิดการแพร่กระจายเชื้อได้อย่างรวดเร็ว คือ 1.พักอาศัยในที่เดียวกัน 2.ทำงานร่วมกัน 3.รับประทานอาหารร่วมกัน 4.มีกิจกรรมตรวจแถว รปภ.ร่วมกัน 5.บันทึกเวลาทำงานด้วยการสแกนลายนิ้วมือ

“ทาง ศบค.มีความเป็นห่วง โดยเฉพาะกรณีการสแกนนิ้วมือ หากสถานที่ทำงานใดมีการทำในลักษณะนี้ ฝากให้ช่วยดูแล ทำความสะอาด โดยเฉพาะหลังจากที่สแกนนิ้วมือแล้ว จะต้องเช็ดหรือล้างมือบ่อยๆ”

นพ.ทวีศิลป์กล่าว

โฆษก ศบค.ยังกล่าวถึงผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อการรับวัคซีนต้านไวรัสโควิด ซึ่งเป็นการสำรวจของกรมควบคุมโรค ซึ่งเมื่อถามว่าอยากให้ฉีกวัคซีนในคนกลุ่มใดก่อน กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ตอบว่าอันดับแรก บุคลากรทางการแพทย์ อันดับสอง ผู้สูงอายุ และอันดับสาม ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ขณะที่อีกผลการสำรวจ ซึ่งจัดทำโดยเครือข่ายมหาวิทยาลัยราชภัฎ 36 แห่ง พบว่าต้องการให้ฉีดวัคซีนแก่บุคลากรทางการแพทย์เป็นกลุ่มแรกเช่นเดียว รองลงมา เป็นผู้ที่มีโรคประจำตัว ซึ่งใกล้เคียงกับอันดับสาม คือ กลุ่มผู้สูงอายุ

นอกจากนี้ ได้มีการให้ความเห็นเพิ่มเติมถึงกลุ่มที่ควรได้รับวัคซีนเป็นลำดับแรกๆ เช่น อาชีพที่ต้องต้อนรับนักท่องเที่ยว หรือพบปะคนหมู่มาก, จังหวัดที่มีแรงงานต่างด้าวจำนวนมาก, คนไทยที่จะต้องเดินทางไปต่างประเทศ และจังหวัดที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว

ส่วนสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก ล่าสุดจนถึงวันนี้ มียอดผู้ติดเชื้อสะสมรวมทั้งสิ้น 109,670,473 ราย เสียชีวิตแล้ว 2,418,250 ราย โดยประเทศสหรัฐอเมริกา มีผู้ติดเชื้อสูงสุด 28,317,703 ราย อันดับสอง อินเดีย 10,925,311 ราย อันดับสาม บราซิล 9,866,710 ราย อันดับสี่ รัสเซีย 4,086,090 ราย และอันดับห้า สหราชอาณาจักร 4,047,843 ราย โดยประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 114

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ก.พ. 64)

Tags: , , , ,
Back to Top