ALT วางเป้าปี 64 เร่งขยายฐานลูกค้า-รุกหาพันธมิตรเพิ่มโอกาสธุรกิจ

นายสมบุญ เศรษฐ์สันติพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี บมจ.เอแอลที เทเลคอม (ALT) กล่าวว่า แผนการดำเนินงานในปี 64 บริษัทจะเร่งการใช้ประโยชน์จากโครงข่ายที่ได้ลงทุนด้วยการขยายฐานลูกค้าภายในประเทศให้เชื่อมโยงไปสู่กิจการไฟฟ้าด้วยการร่วมทุนกับ บมจ.ราช กรุ๊ป (RATCH) จัดตั้งบริษัทร่วมทุน สมาร์ทอินฟราเนท จำกัด

ขณะเดียวกัน บริษัทเข้าซื้อกิจการผู้ผลิตสมาร์ทมิเตอร์ โดยซื้อหุ้น บริษัท เอ็นเนอร์จี แม็คซ์ จำกัด (EMAX) และเพิ่มทุนจดทะเบียนในบริษัท EMAX เป็น 292.18 ล้านบาท เพื่อรองรับการเติบโตของโครงการ Smart Grid ในอนาคต

นอกจากนี้ยังเร่งเสริมมูลค่าโครงข่ายด้วย Platform ในโครงการ Fiber Space เป็นการบูรณการโครงข่ายของบริษัททุกโครงการเข้าด้วยกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ รวมถึงขยายโอกาสทางธุรกิจด้วยการขยายบริการไปถึงโครงข่ายของพันธมิตร เช่น โครงข่ายของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต

นายสมบุญ กล่าวอีกว่า บริษัทตั้งเป้าหมายขยายฐานรายได้ด้วยการใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินที่มีอยู่ในกลุ่ม ร่วมส่งเสริมให้ประเทศไทยพัฒนาไปสู่ Asean Digital Hub ขณะเดียวกัน บริษัทยังคงแสวงหาพันธมิตรเพื่อเสริมสร้างโอกาสทางธุรกิจและความแข่งแกร่งทางการเงิน ให้สามารถรองรับการขยายตัวในอนาคต

สำหรับผลการดำเนินงานงวดปี 63 บริษัทมีรายได้รวม 1,557.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55.6% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 62 ที่มีรายได้รวม 1,001.18 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 269.69 ล้านบาท เทียบกับปี 62 ที่มียอดขาดทุนสุทธิ 125.30 ล้านบาท โดย ณ สิ้นปี 63 บริษัทมีงานในมือ (Backlog) จำนวน 1,184 ล้านบาท

สาเหตุที่รายได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาก มาจากรายได้การให้บริการเพิ่มขึ้น 134.1% จาก 491.72 ล้านบาท เป็น 1,151.26 ล้านบาท รายการหลักที่เพิ่มขึ้นคือรายได้จากโครงการ Smart Grid รวมทั้งรายได้จากการให้บริการโครงข่ายเพิ่มขึ้น 51.5% จาก 154.69 ล้านบาท เป็น 234.42 ล้านบาท ขณะเดียวกันมีรายได้อื่น 535.41 ล้านบาท ได้แก่ เงินชดเชยจากการรชนะคดี 412.53 ล้านบาท และกำไรจากการจำหน่ายทรัพย์สิน 89.28 ล้านบาท

นายสมบุญ กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ต่ำเพียง 0.75 เท่า ในขณะที่อัตราส่วนหนี้สินที่มีดอกเบี้ยสุทธิต่ำกว่าศูนย์ เนื่องจากบริษัทมียอดรวมของเงินสด เงินลงทุนระยะสั้น และเงินฝากเพื่อการค้ำประกันสูงกว่ายอดหนี้เงินกู้ ทำให้บริษัทมีกำลังเงินทุนรองรับการขยายธุรกิจในปี 64 ได้อย่างเต็มที่

“ปี 63 เป็นปีแห่งการปรับโครงสร้างองค์กร ปรับพอร์ตการลงทุนให้สอดคล้องกับสภาวะธุรกิจและสถานะเงินทุนของกิจการ เตรียมตัวให้พร้อมต่อการเติบโตในอนาคต ควบคู่กับการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจด้วยการผนึกกำลังกับพันธมิตร ที่ช่วยต่อยอดและขยายฐานธุรกิจให้สอดคล้องกับโอกาสการพัฒนาด้านเทคโนโลยี เพื่อรองรับการพัฒนาไปสู่เมืองอัจฉริยะและสังคมออนไลน์รวมถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ พึ่งพิงและเชื่อมโยงกับเทคโนโลยีมากขึ้น”

นายสมบุญ กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ก.พ. 64)

Tags: , , , , , , , ,
Back to Top