SAK ปี 64 ฟื้นขยายพอร์ตสินเชื่อเป็น 8.4 พันลบ.พร้อมเพิ่ม 200 สาขาใหม่

นายศิวพงศ์ บุญสาลี กรรมการผู้จัดการ บมจ.ศักดิ์สยามลิสซิ่ง (SAK) กล่าวว่า แผนธุรกิจในปี 64 บริษัทเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้แนวคิด ‘ปล่อยสินเชื่อเป็นธรรม เข้าใจและเข้าถึง ให้แก่ประชาชน’ โดยมุ่งขยายพอร์ตสินเชื่อเพิ่มเป็น 8,400 ล้านบาท จากฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้นทั้งสาขาเดิมและสาขาใหม่ในปีนี้ที่จะขยายเพิ่มอีก 200 แห่ง จากที่มีอยู่แล้ว 519 สาขา ครอบคลุม 38 จังหวัด ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันตก ทั้งในระดับอำเภอและตำบล เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้เพิ่มขึ้นและรองรับกับต้องการสินเชื่อที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

“เรามีความตั้งใจเป็นสินเชื่อรายย่อยเพื่อประชาชนฐานราก ที่โปร่งใส เป็นธรรม เข้าใจและเข้าถึง ที่ดีกว่าเดิม เพื่อให้เราสามารถเข้าไปช่วยเหลือประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อประกอบอาชีพ ด้วยบริการที่มีความจริงใจ ตลอดจนการปล่อยสินเชื่อที่รัดกุม ควบคู่กับการบริหารสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ต่ำกว่าอุตสาหกรรม ซึ่งผลักดันให้ ‘ศักดิ์สยามลิสซิ่ง’ เป็นแบรนด์ที่มีความแตกต่างและผลักดันการเติบโตได้ตามแผน”

นายศิวพงศ์ กล่าว

สำหรับผลการดำเนินงานในปี 63 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 561.9 ล้านบาท เติบโต 62.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 345.9 ล้านบาท เนื่องจากการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายโดยรวมลดลง 259.6 ล้านบาท หรือคิดเป็น 22.1 % หลังไม่มีผลขาดทุนจากการปิดสัญญา และความสำเร็จการบริหารหนี้ NPLs อยู่ในระดับ 2-2.5% ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม ประกอบกับปัจจัยสนับสนุนธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินต่ำลง

ด้านภาพรวมพอร์ตสินเชื่อในปี 63 อยู่ที่ 6,500 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 6,637 ล้านบาท เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 บริษัทจึงมีความระมัดระวังในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อแก่ลูกค้า เพื่อรักษาสภาพคล่องของกระแสเงินสด ส่งผลให้รายได้รวมอยู่ที่ 1,613.7 ล้านบาท เติบโต 0.6% ใกล้เคียงช่วงกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,604.6 ล้านบาท โดยมาจากอัตราดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียมและบริการ รวมทั้งการเปิดสาขาใหม่ ช่วยขยายฐานลูกค้าใหม่ได้เพิ่มขึ้นและมีลูกหนี้เงินให้สินเชื่อเฉลี่ยต่อสัญญาที่เพิ่มขึ้น

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ก.พ. 64)

Tags: , , , , , , , , ,
Back to Top