DOD ลุ้นไลเซ่นส์นำเข้าเมล็ดพันธุ์กัญชง มี.ค.นี้จ่อเซ็น MOU ลูกค้าร่วมคิดผลิตภัณฑ์

นายธนิน ศรีเศรษฐี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ดีโอดี ไบโอเทค (DOD) เปิดเผยว่า กรณีที่คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ประกาศหลักเกณฑ์และออกใบอนุญาตให้เอกชนสามารถนำน้ำมันจากเมล็ดกัญชงมาใช้ในอาหารได้ หลังจากก่อนหน้านี้ได้ออกกฎหมายให้เอกชนนำน้ำมันจากเมล็ดกัญชงมาใช้ในเครื่องสำอางแล้ว ซึ่งจะทำให้เอกชนสามารถนำน้ำมันจากเมล็ดกัญชงไปใช้ในเชิงพาณิชย์ได้นั้น หลังจากบริษัทยื่นคำขอรับใบอนุญาตนำเข้าเมล็ดพันธุ์ในช่วงที่ผ่านมา เบื้องต้นคาดว่าช่วงกลางเดือน มี.ค.นี้ บริษัทฯจะได้รับใบอนุญาต

นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมยื่นคำขอรับใบอนุญาตจำหน่ายเมล็ดพันธุ์เพื่อจำหน่ายให้กับกลุ่มเกษตรกรที่ได้รับใบอนุญาตผลิต(ปลูก) รวมถึงเตรียมยื่นขอใบอนุญาตตั้งโรงงานสกัดสาร CBD ในการเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สารสกัดจากกัญชงกับ อย.เป็นลำดับต่อไป

ทั้งนี้ จากจุดแข็งและข้อได้เปรียบของบริษัทที่มีความพร้อมด้านโรงสกัดและห้องปฏิบัติการ (LAB) ซึ่งผ่านการรับรองความสามารถตามมาตรฐาน ISO/IEC 17025 : 2017 จากสำนักมาตรฐานห้องปฏิบัติการ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ รวมถึงยังได้การรับรองมาตรฐาน ISO22000:2018 (ระบบการจัดการความปลอดภัยของอาหาร) และ ISO14001:2015 (ระบบการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม) และมีทีมวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ (R&D) ค้นคว้าวิจัยนวัตกรรมและพัฒนาสารสกัดพืชสมุนไพร รวมถึงการพัฒนากระบวนการสกัด ออกแบบผลิตภัณฑ์นั้น

ล่าสุดมีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และ บริษัทเอกชนอื่นๆ กว่า 20 รายเข้ามาหารือร่วมกันเพื่อพัฒนาและคิดค้นสูตรผลิตภัณฑ์สารสกัดจากกัญชงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และคาดว่าในเร็วๆ นี้จะเซ็นสัญญาบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ (MOU) กับกลุ่มลูกค้าดังกล่าวได้

“หากบริษัทได้รับใบอนุญาตครบตามที่ยื่นขอ และสามารถผลิตผลิตภัณฑ์จากสารสกัดกัญชงเชิงพาณิชย์ตามความต้องการของลูกค้าได้ตามที่วางแผนไว้จะยิ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความพร้อมของศักยภาพความแข็งแกร่งในการเป็นผู้นำในการผลิตผลิตภัณฑ์จากสารสกัดกัญชงได้แบบครบวงจร ที่สำคัญจะส่งผลให้รายได้บริษัทฯเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในอนาคต”นายธนิน กล่าว

สำหรับทิศทางธุรกิจในปี 64 บริษัทเชื่อมั่นว่าปีนี้จะเป็นปีแห่งการเติบโตของ DOD เนื่องจากจะมียอดคำสั่งซื้อในการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีความหลากหลายจากกลุ่มลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดบริษัทฯยังมีออเดอร์ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใหม่ กลุ่มโพรไบโอติก รูปแบบเชื้อจุลินทรีย์ที่มีชีวิต (Active) เข้ามาต่อเนื่อง เบื้องต้นจะเริ่มทยอยส่งมอบสินค้าและรับรู้รายได้ของกำลังการผลิตเฟสแรก ในช่วงไตรมาส 1/64 เป็นต้นไป

โดยผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกลุ่มโพรไบโอติก ในเฟสแรกจะเป็นผลิตภัณฑ์ประเภทผงในซองขนาดเล็ก 3 กรัม พร้อมรับประทานมีกำลังการผลิตอย่างน้อย 1 ล้านซองต่อเดือน คาดเป็นส่วนผลักดันรายได้เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 100 ล้านบาทต่อปี และหลังจากนั้นก็จะพิจารณาขยายการผลิตเพิ่มมากขึ้น และมีแนวทางเพิ่มผลิตภัณฑ์ประเภทแคปซูลในเฟสถัดไป

ส่วนผลประกอบการปี 2563 กลุ่มบริษัทฯมีรายได้จากการขาย 1,611.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 821.28ล้านบาท หรือ เติบโต 103.97% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 789.92 ล้านบาท เป็นผลมาจากธุรกิจผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ผลิตเครื่องสำอาง และธุรกิจเครือข่ายที่เติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีความเชี่ยวชาญด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) ในหลายรูปแบบ อาทิ รูปแบบผง , แคปซูล , ตอกเม็ด , เจลและเยลลี่ และซอฟเจลในรูปแบบที่เคี้ยวทั้งเมล็ด เป็นต้น ซึ่งสามารถตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคได้ทันที

พร้อมกันนี้ด้วยกลยุทธ์เน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต รวมทั้งควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารได้เป็นอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้กลุ่มบริษัทฯมีกำไรจากการดำเนินงาน (Operating Profit) 321.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 240.96 ล้านบาท หรือ เติบโต 300.40% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 80.21 ล้านบาท แต่กลุ่มบริษัทฯมีการตั้งด้อยค่าสินทรัพย์ จำนวน 128.30 ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่มิใช่เงินสด อันเป็นผลมาจากการปรับโครงสร้างการบริหารจัดการเพื่อรองรับกับสถานการณ์ความไม่แน่นอนจากสภาวะเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม กลุ่มบริษัทฯยังคงมีผลกำไรส่วนของบริษัทใหญ่จำนวน 141.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 54.53 ล้านบาท หรือ เติบโต 62.89%

จากความสำเร็จในช่วงที่ผ่านมา เป็นการตอกย้ำถึงการเป็นผู้นำด้านการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (Dietary Supplement Product) ซึ่งสะท้อนให้เห็นได้จากการนำนวัตกรรมงานด้านวิจัยมาผสมผสานกับงานด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อยกระดับกระบวนการผลิตในทุกๆมิติ โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีสารสกัดจากสมุนไพรไทยที่ปัจจุบันกำลังเป็นที่นิยมของกลุ่มบริโภคคนรุ่นใหม่หันมาใช้เป็นทางเลือกในการดูแลสุขภาพมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับแผนยุทธ์ศาสตร์ของบริษัทฯที่ต้องการเพิ่มสัดส่วนของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพที่ใช้สารสกัดจากสมุนไพรไทย โดยเล็งเห็นว่าสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่มีจำนวนมากขึ้นในทุก ๆ ปี เพื่อสอดรับกับการยกระดับเมกะเทรนด์เพื่อสุขภาพ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 มี.ค. 64)

Tags: , , ,
Back to Top