นายธงชัย บุศราพันธ์ ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บมจ.โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ (NOBLE) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจในปี 64 ตั้งเป้ารายได้ 11,000 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าเปิดโครงการอีก 11 โครงการ มูลค่ารวม 45,100 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดขาย (pre-sale) จำนวน 16,000 ล้านบาท เพื่อก้าวขึ้นไปเป็นผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไทยติดอันดับ TOP 5 ภายใน 3 ปีข้างหน้า
และล่าสุดได้ บริษัทฯเปิดตัวโครงการโนเบิล ฟอร์ม ทองหล่อ (NOBLE FORM THONGLOR ) มูลค่ารวมกว่า 5,400 ล้านบาท พร้อมชูเด่นด้านทำเลศักยภาพใจกลางถนนทองหล่อ ภายใต้แนวคิด “ONE FORM หนึ่งฟอร์ม ของชีวิตที่ได้ทุกสิ่ง” เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งรายได้จากโครงการดังกล่าวจะทยอยเข้ามาในปี 2567 เป็นต้นไป
สำหรับผลดำเนินงานปี 63 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2563 บริษัทฯ มีรายได้รวมจำนวน 10,895 ล้านบาท สูงกว่าเป้าที่วางไว้ที่ 10,000 ล้านบาท และกำไรสุทธิจำนวน 1,878 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรสุทธิที่ 17.2% เป็นผลมาจากอัตรากำไรขั้นต้นที่โดดเด่นโดยทำได้ที่ 38.9% ขณะที่ไตรมาส 4/63 บริษัทมีรายได้รวม 3,483 ล้านบาท และกำไรสุทธิอยู่ที่ 640 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้รายได้และผลกำไรสุทธิของบริษัทฯ เติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องจากยอดรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุด และโครงการบ้านที่ก่อสร้างแล้วเสร็จจากลูกค้าทั้งไทยและต่างประเทศ อาทิ โครงการ โนเบิล บี19 สุขุมวิท โครงการโนเบิล อราวน์ สุขุมวิท 33 โครงการนิว โนเบิล แจ้งวัฒนะ โครงการโนเบิล เพลินจิต โครงการโนเบิล บี 33 สุขุมวิท และโครงการโนเบิล รีโคล สุขุมวิท 19 เป็นต้น โดยเป็นยอดโอนจากตลาดต่างประเทศไปกว่า 4,600 ล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากจากการเปิดตัวโครงการใหม่ปี 63 จำนวน 5 มูลค่า 10,000 ล้านบาท โดยเฉพาะโครงการภายใต้แบรนด์ “นิว” (NUE) จำนวน 3 โครงการที่เปิดใน ไตรมาส 3 ปี 2563 ได้แก่ โครงการ นิว โนเบิล งามวงศ์วาน โครงการ นิว โนเบิล รัชดา-ลาดพร้าว และโครงการ นิว โนเบิล ไฟฉาย-วังหลัง สามารถทำยอดขายพรีเซลได้ถึง 40-60% ส่งผลให้บริษัทฯ มียอดขายพรีเซลรวมทุกโครงการทั้งปี 63 กว่า 6,600 ล้านบาท โดยกว่า 3,200 ล้านบาท เป็นยอดขายจากโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่ ซึ่งสามารถรับรู้รายได้ได้ทันทีและยังช่วยเพิ่มสภาพคล่องที่แข็งแกร่งให้กับบริษัทฯ ได้อีกด้วย
อีกทั้ง บริษัทประสบความสำเร็จในการสร้างยอดขายจากตลาดต่างประเทศกว่า 1,750 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของบริษัทฯ ที่สามารถครองความเป็นผู้นำตลาดอสังหาริมทรัพย์ต่างประเทศได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทฯ มีส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 36% ของยอดขายรวมจากทุกผู้ประกอบการในการขายคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯและปริมณฑลสำหรับลูกค้าต่างชาติ
บริษัทมียอด Backlog ณ สิ้นปี 63 อยู่ที่ 12,805 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถทยอยรับรู้ภายใน 3 ปีข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง และมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเท่ากับ 1.15 เท่า ทำให้บริษัทยังมีความคล่องตัวในการกู้ยืมเงินจากสถาบันทางการเงินมากขึ้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 มี.ค. 64)
Tags: NOBLE, อสังหาริมทรัพย์, โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์